ที่กองกำกับการ ปอท. ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดผู้ที่โพสต์เฟสบุ๊กรูปเด็กชูมือ 3 นิ้วพร้อมกับคนแชร์รูปและข้อความอีก 195 คน ซึ่งบุคคลซึ่งผู้โพสต์อ้างว่าเป็นทีมคณะก้าวหน้าและสมาชิกพรรคก้าวไกลคนหนึ่ง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นรูปเด็กอนุบาลปี 2 แห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ที่แต่งชุดนักเรียนอนุบาลพร้อมกับชู 3 นิ้วขึ้นเหนือศรีษะ โดยไม่มีการปิดหน้าปิดตา พร้อมมีข้อความติดแฮชแท็กว่า “#อนุบาลต้านเผด็จการ ไม่หวั่น ม.116 ภัยต่อความมั่นคงเผด็จการไดโนกะลา” โดยรูปดังกล่าวน่าจะมาจากญาติหรือผู้ปกครองที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว เป็นการท้าทายกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กคนดังกล่าว ที่อาจจะเสียหายเกิดขึ้นในอนาคต เป็นความเห็นแก่ตัวของผู้กระทำที่ตกต่ำถึงขั้นต้องอาศัยเด็กมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่ไร้จริยธรรม และไม่มีมโนสำนึกแต่อย่างใด และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อเด็กอย่างร้ายแรง และเป็นที่แปลกใจอย่างยิ่งว่าผู้ที่อ้างเป็นนักประชาธิปไตยทั้งหลายและองค์กรยูนิเซฟ (Unicef) ที่เคยออกแถลงการณ์ปกป้องสิทธิเด็กกรณีการชุมนุมทางการเมือง กลับหายหน้าไปไหนปล่อยให้เกิดกรณีเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
ศรีสุวรรณ ระบุว่า การนำรูปเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ (ยกเว้นเด็กที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส) มาเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศ โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นการฝ่าฝืน ม.27 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 ซึ่งมีความผิดตาม ม.79 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดตาม ม.14 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังพบว่ามีผู้ที่แชร์รูปและข้อความดังกล่าวไปกว่า 195 คน ซึ่งผู้ที่กดแชร์โพสต์ดังกล่าวหรือเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนกล่าวโทษผู้โพสต์และผู้แชร์รูปและข้อความดังกล่าวต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อดำเนินการเอาผิดผู้ที่โพสต์รูปและแชร์รูปเด็กที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมดังกล่าวต่อไป