นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงระเบียบกระทรวงการคลังเรื่องการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 ประกาศ ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2561 ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยในขั้นตอนปฏิบัติ ซึ่งจะมีผลกระทบกับผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีลูกจ้างชั่วคราว และพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำนวนมากที่จ้างด้วยเงินนอกงบประมาณ ได้บ่ายวันนี้ นพ. ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข จะนำทีมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หารือกับผู้บริหารกระทรวงการคลังและกพ. เพื่อหาแนวทางขั้นตอนการปฏิบัติที่ไม่กระทบกับการให้บริการประชาชนพร้อมทั้งให้ผู้บริหารในส่วนภูมิภาคเร่งทำความเข้าใจกับพนักงานกระทรวงสาธารณสุขและลูกจ้างทุกประเภทของหน่วยงาน
นพ. เจษฎากล่าวต่อว่า หากระเบียบนี้ประกาศใช้ จะมีผลกระทบกับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างมาก เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีลูกจ้างชั่วคราว และลูกจ้างอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เช่น พนักงานเปล ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย และมีการจ้างงานตามระเบียบพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีสัญญาจ้างระยะเวลา 4 ปี กำหนดให้มีสวัสดิการและการขึ้นค่าจ้างรายปี จึงต้องหาแนวทางเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ และระบบการให้บริการประชาชน
กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่ นายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ลงนามในหนังสือถึง ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เลขาธิการ ผู้อำนวยการ ผู้บัญชาการ อธิการบดี เรื่องระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยระบุว่า
ด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2560 อนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และให้ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้มีระเบียบเกี่ยวกับการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ในการบรรจุแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงาน
กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า เพื่อให้การบริหารอัตรากำลังคนส่วนราชการที่ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2560 จึงยกเลิกหนังสือกระทรวงการคลัง ที กค 0527.6/ว 31 ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 และ ที่ กค 0415/ว 23 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2546 และให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2562
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2561 กระทรวงการคลังออกระเบียบว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยมีสาระสำคัญในข้อ 4 ที่ระบุว่า “ให้ส่วนราชการหลีกเลี่ยงการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
กรณีได้ดำเนินการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณก่อนระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ซึ่งมิใช่กรณีที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังไว้เป็นการเฉพาะ ให้ส่วนราชการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างต่อไปได้ตามกำหนดระยะเวลาเดิม และเมื่อพนักงานหรือลูกจ้างลาออกหรือส่วนราชการหมดความจำเป็นในการจ้างให้ยุบเลิกตำแหน่งพนักงานหรือลูกจ้างนั้น
ข้อ 5 ในกรณีส่วนราชการมีความจำเป็นต้องจ้างพนักงานหรือลูกจ้างให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อน โดยต้องแสดงเหตุผล ความจำเป็น เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
ข้อ 6 ระยะเวลาการจ้าง ให้จ้างได้ไม่เกินปีงบประมาณ หรือตามระยะเวลาที่กระทรวงการคลังอนุญาต สำหรับอัตราค่าจ้าง ให้จ้างได้ไม่เกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของตำแหน่งและวุฒิ และไม่มีการเลื่อนขั้นค่าจ้าง
ข้อ 7 ให้ส่วนราชการรายงานการจ้างพนักงานหรือลูกจ้าง ทั้งจำนวนอัตราและจำนวนงินค่าจ้างให้กรมบัญชีกลางทราบทุกสิ้นปีงบประมาณ หรือสิ้นระยะเวลาการจ้างที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง โดยให้รายงานภายใน 30 วัน นับจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว”
ทั้งนี้ระเบียบดังกล่าวนี้ ได้กำหนดว่า “เงินนอกงบประมาณ” หมายความว่า บรรดาเงินทั้งปวงที่ส่วนราชการจัดเก็บหรือได้รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือจากนิติกรรมหรือนิติเหตุ หรือกรณีอื่นใดที่ต้องนำส่งคลัง แต่มีกฎหมายอนุญาตให้สามารถเก็บไว้ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนำสั่งคลัง
และกำหนดว่า “พนักงานหรือลูกจ้าง” หมายความว่า ลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างรายคาบ พนักงานกระทรวงสาธารณสุขหรือพนักงานของรัฐที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีลักษณะเดียวกัน ซึ่งระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2561
โดยแอดมินเพจ Drama Addict โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ระเบียบของกระทรวงการคลังนี้ จะส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพราะ การใช้งบของโรงพยาบาลในการจ้างลูกจ้างชั่วคราว คือการแก้ปัญหาขาดคนของโรงพยาบาลทั่วประเทศ เวลาไปโรงพยาบาล เห็นผู้ช่วยพยาบาล เวรเปล ส่วนมากเป็นลูกจ้างชั่วคราว ขนาดพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่เอ็กซเรย์บางคนยังเป็นลูกจ้างชั่วคราว เพราะรอกำลังนจากส่วนกลางไม่ได้ มันไม่ และไม่มีทางพอ
ซึ่งจากนี้ไป ขั้นตอนการจ้างลูกจ้างด้วยงบนอกประมาณ ที่ปกติทุกโรงพยาบาลจะบริหารกันเองตามความจำเป็น ขั้นตอนจะยุ่งยากขึ้น ต้องส่งเรื่องให้ส่วนกลางพิจารณาว่าควรจ้างหรือไม่ แล้วจ้างได้เป็นรายปี ซ้ำยังห้ามปรับค่าตอบแทนให้ลูกจ้างชั่วคราวด้วย อย่างนี้ใครจะมาสมัคร เพราะทำกี่ปีก็ได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม
ด้านเพจชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความต่อกรณีนี้ด้วยเช่นกันว่า รัฐบาลนี้ปากบอกจะปฏิรูป แต่ล่าสุดจะสิ่งที่ปฏิรูปมาให้ถอยหลัง นอกจากกำลังจะพยายามแก้กฎหมายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ถอยหลังเข้าคลอง ด้วยการให้ประชาชนร่วมจ่ายไม่พอ ล่าสุดกระทรวงการคลัง ยังออกระเบียบสั่งการให้โรงพยาบาลรัฐถอยลงคลองกลับไปเมื่อปี 2544 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ให้การจ้างลูกจ้างต้องไปขอจากรมบัญชีกลาง และห้ามเพิ่มเงินเดือน เหมือนสมัยก่อนจะจ้างใครสักคนต้องขอล่วงหน้าก่อน 1 ปีงบประมาณ