พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามปริมาณน้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำทั่วประเทศโดยเฉพาะที่เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลังจากที่ได้รับทราบรายงานว่าปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นเพราะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน และมีโอกาสที่น้ำจะล้นสปิลเวย์หรือทางน้ำล้น และไหลเข้าสู่เขื่อนเพชรบุรีและตัวเมืองเพชรบุรีตามลำดับ
"ตลอดเส้นทางของน้ำจะทำให้น้ำไหลลงข้างทาง ซึ่งอาจจะกระทบบ้านเรือนริมทางน้ำ รีสอร์ท และพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แก่งกระจาน และอ.ท่ายาง โดยภาพรวมคาดว่าระดับน้ำในปีนี้จะสูงมากกว่าปีก่อนโดยอยู่ที่ประมาณ 80 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร และจะส่งผลให้น้ำท่วมขังราว 1 - 2 เดือน ซึ่งนานกว่าปีก่อนที่ขังนาน 1 เดือน"
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีผ่านกระทรวงมหาดไทยให้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยขนย้ายทรัพย์สินมีค่าขึ้นที่สูง และวางแผนการดำเนินชีวิตในช่วงที่น้ำท่วม ส่วนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เตรียมดูแลทั้งเรื่องเส้นทางคมนาคม การสาธารณสุข โรงพยาบาล ไฟฟ้า ประปา รวมถึงจุดอพยพประชาชนและการจัดหาอาหารและสิ่งของที่จำเป็นให้พร้อม
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้กรมชลประทานได้เร่งพร่องน้ำออกจากเขื่อน ส่วนจุดที่มีคันกั้นน้ำก็จะลดระดับเพื่อเปิดทางให้น้ำไหลออก ช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเรือน รีสอร์ท และพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้กองทัพเรือยังได้ส่งเรือผลักดันน้ำและกำลังพลลงไปช่วยดำเนินการในพื้นที่โดยเร่งด่วนแล้ว
กรมชลฯ จับตาสถานการณ์น้ำล้นที่เขื่อนแก่งกระจาน พร้อมนำบทเรียนปี 59 และ 60 มาปรับใช้รับมือเข้าสู่ฤดูฝน
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2561 ว่า ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 701 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 98 ของความจุอ่าง มีแผนการระบายน้ำลงลำน้ำเดิมวันละ 9.60 ล้านลูกบาศก์เมตร และจากการประเมินสถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจานที่มีน้ำเต็มความจุ
โดยศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะหรือ SWOC ได้คำนวณปริมาตรน้ำปัจจุบันยังคงมีน้ำไหลเข้าอ่างมากกว่าการระบายน้ำออก จึงคาดว่าน้ำจะเริ่มล้นสปิลเวย์ในวันนี้ (5 ส.ค.) เวลา 22.00 น. แต่จะไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสปิลเวย์ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆปรับระดับน้ำขึ้น คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อยเพื่อเทน้ำออกจากขัน ดังนั้นต้องใช้ช่วงเวลาระยะหนึ่งกว่าน้ำจะไหลผ่านสปิลเวย์เต็มที่ และต้องใช้เวลากว่า 12 ชม. จึงจะไหลไปถึงเขื่อนเพชรบุรี ซึ่งในขณะนี้เขื่อนเพชรบุรีจะสามารถหน่วงน้ำส่วนนี้ได้ช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนน้ำที่เกิดจากเขื่อนเพชรบุรีต้องใช้เวลา 20 ชม. กว่าจะถึง อ.เมืองเพชรบุรี
ทั้งนี้ได้วงแผนเตรียมการป้องกันน้ำท่วมไว้ก่อนหน้านี้ โดยใช้บทเรียนจากปี 2559 และ ปี 2560 มาปรับใช้เตรียมความพร้อมล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ฤดูฝน โดยดำเนินการเสริมคันกั้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี พร้อมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงของอาคารชลประทานอย่างต่อเนื่อง และติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ก่อนเกิดฝนตกหนัก ยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เกิดน้ำท่วม ทั้งยังทำการพร่องน้ำ เร่งระบายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี โดยเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำ จากทุกหน่วยงาน รวมทั้งตรวจการขึ้นลงน้ำทะเล ประกอบการวางแผนการเร่งระบายน้ำโดยติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง