'จามาล คาชอกกี' อดีตนักข่าวซาอุดีอาระเบียที่เคยทำงานให้กับสำนักข่าวหลายแห่ง ออกจากซาอุดีอาระเบียไปอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ด้วยความกลัวว่าตนเองจะตกเป็นเป้าหมายของทางการ เนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตัวเอง โดยเขาเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และเดินทางไปขอเอกสารการหย่าร้างกับภรรยาเก่าที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในกรุงอิสตันบูลของตุรกีเมื่อปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเตรียมการสำหรับการแต่งงานใหม่กับคู่หมั้นชาวตุรกี
ทั้งนี้ สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียได้นัดหมายใหม่ให้เขาไปพบในวันที่ 2 ต.ค. 2561 แต่หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป กรณีนี้กำลังจะเป็นปัญหาใหม่ระหว่างตุรกีและซาอุดีอาระเบีย โดยมีสหรัฐฯ พ่วงมาด้วย
วอชิงตันโพสต์ เป็นสื่อรายแรกที่นำเสนอข่าวเรื่องหายตัวไปของนายคาชอกกีหลังจากวันที่เขาไปติดต่อสถานกงสุลหนึ่งวัน ข่าวอ้างคู่หมั้นของนายคาชอกกีที่กล่าวว่า เธอรอเขาที่หน้าสถานกงสุลเป็นเวลาหลายชั่วโมง แม้หลังจากที่สถานทูตปิดแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่าเขาออกมา
นสพ.อ้างว่า ในวันเดียวกันกับที่นายคาชอกกีไปติดต่อสถานกงสุลคือ 2 ต.ค. 2561 นั้น ได้มีเที่ยวบินจากซาอุดีอาระเบียเป็นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสองลำเดินทางเข้าตุรกีในเวลาเช้าและบ่าย และเครื่องบินทั้งสองลำก็ออกจากตุรกีในเย็นวันเดียวกันนั้น ด้านสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูลชี้แจงว่า นายคาชอกกีออกจากสถานกงสุลไปแล้วโดยใช้ประตูด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม สื่ออ้างแหล่งข่าวที่เป็นจนท.ตุรกีบอกว่า ผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดด้านหน้าและหลังสถานกงสุลมีแต่ภาพนายคาชอกกีเดินทางเข้าแต่ไม่มีภาพช่วงออกมา
ทางการตุรกีเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียนำภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานกงสุลออกมายืนยันการออกจากสถานกงสุลของนายคาชอกกี สื่ออ้างแหล่งข่าวตุรกีที่เชื่อว่า นายคาชอกกีถูกสังหารภายในสถานกงสุลนั่นเอง และเป็นการสังหารที่ผ่านการเตรียมการมาแล้ว
เวบข่าววอกซ์รายงานว่า ประธานาธิบดีเออร์โดกันของตุรกีระบุว่า ขณะนี้ภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสถานทูตซาอุดีอาระเบียที่จะต้องแสดงหลักฐานยืนยันข้อมูลที่บอกว่านายคาชอกกีออกจากสถานกงสุลไปแล้ว
เมื่อวันอังคารที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ สื่อสารกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลของตนส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวไปร่วมงานกับตุรกีเพื่อคลี่คลายเงื่อนงำเรื่องนี้ พร้อมทั้งอ้างว่าทางการซาอุดีอาระเบียเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา
อย่างไรก็ตาม นสพ.วอชิงตันโพสต์รายงานถัดมาอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่ลักลอบดักฟังข้อความการติดต่อสื่อสารของซาอุดีอาระเบียว่า ซาอุดีอาระเบียเคยมีแผนจะหลอกล่อให้นายคอชอกกีกลับประเทศเพื่อจับกุมเขา
สื่อรายนี้ระบุว่า อันที่จริงนายคาชอกกีนั้นมีภูมิหลังที่ใกล้ชิดราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย เขาเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าชายตุรกิ บิน ไฟซาล อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรอง แต่ในช่วงหลายปีมานี้เขามีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์มกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งเป็นผู้นำคนใหม่
วอกซ์กล่าวถึงมกุฎราชกุมารพระองค์นี้ว่าทรงพยายามให้ภาพลักษณ์ว่าซาอุดีอาระเบียภายใต้การนำของพระองค์นั้นเปิดกว้างมากขึ้น ยอมให้ผู้หญิงขับรถได้ เปิดโรงภาพยนตร์ได้ แต่ว่าอีกด้านก็มีการกำจัดฝ่ายตรงข้ามภายใต้ข้ออ้างเพื่อขจัดปัญหาคอรัปชั่น ขณะที่ไม่ปรากฎว่าทางการซาอุดีอาระเบียยอมรับความเห็นต่างแต่อย่างใด
ขณะที่ยังมีนักเคลื่อนไหวถูกจับกุมเพิ่มเติม ทำให้เมื่อเดือน มิ.ย. 2560 นายคาชอกกีเดินทางออกนอกประเทศไปอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ด้วยความกลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมาย เขาเคยเขียนไว้ว่า แทนที่จะปฏิรูปแต่กลับกลายเป็นว่าซาอุดีอาระเบียเวลานี้มีการสร้างบรรยากาศของความหวาดกลัว
รายงานของวอกซ์บอกอีกว่า ตุรกีกับซาอุดีอาระเบียนั้นมีปัญหากันอยู่แล้ว เพราะว่าซาอุดีอาระเบียปิดล้อมกาตาร์ซึ่งเป็นพันธมิตรของตุรกี และแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่ตุรกีใช้แนวทางด้านศาสนาอิสลามในปัจจุบันและยังมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมากขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์และได้รับการสนับสนุนด้วยดี กระนั้นก็ตามกรณีนี้ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ หลายรายรวมถึงนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต้องออกมาเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียสอบสวนและทำให้โปร่งใส
ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบอร์กรายงานว่า วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งยื่นจดหมายเรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ สอบสวนและลงโทษผู้ที่เป็นต้นเหตุให้นายคาชอกกีหายตัวหรือตายไปด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งรัฐบาลมีเวลา 120 วัน สำหรับพิจารณา
รายงานข่าวล่าสุดของนิวเซอร์อ้างข้อมูลจากสำนักข่าวเอพีบอกว่า กลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนได้นำเสนอเรื่องการหายตัวไปของนายคาชอกกีให้กับคณะทำงานเรื่องปัญหาการบังคับให้บุคคลสูญหายของสหประชาชาติแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :