Exclusive : หมดเวลา'ประยุทธ์' - 'ธนาธร' ชงแผนด่วน! ผ่าวิกฤตไวรัสร้าย 'โควิด-19'

'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ให้สัมภาษณ์พิเศษ 'วอยซ์ออนไลน์' เป็นครั้งแรกหลังเปิดตัว 'คณะก้าวหน้า' โดยชี้แผนด่วนหมดเวลา 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ในการแก้วิกฤตโควิด-19 ที่กำลังคุกคามชีวิตคนทั้งประเทศ เปลี่ยนตัวผู้นำและมีรัฐบาลใหม่มาแก้วิกฤตไวรัสร้าย-ฟื้นฟูประเทศ

"ผมขอให้กำลังใจญาติมิตรของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา รวมถึงผู้ติดเชื้อด้วยขอให้ทุกคนมีกำลังใจก้าวเดินต่อไป เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทั้งสังคมต้องช่วยกัน ขณะเดียวกันผมก็ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกท่านที่เป็นแนวหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาด ที่เป็นแนวหน้าเป็นความหวังของผู้ป่วยและครอบครัว ขอให้กำลังใจทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสนี้"

'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ส่งกำลังใจผ่าน 'วอยซ์ออนไลน์' ถึงประชาชนและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั่วประเทศที่กำลังฟันฝ่าเอาชนะกับวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในขณะนี้

21 มี.ค. 2563 แม้จะเป็นวันที่ครบ 1 เดือนหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่

แต่วันดังกล่าวนี้ก็ถือเป็นวันที่ 'ธนาธร' ยังเปิดตัว 'คณะก้าวหน้า' ซึ่งมีภารกิจคือสร้างสังคมไทยให้ทุกคนเท่าเทียมกัน

โดยเฉพาะสถานการณ์ในเดือน มี.ค. 2563 ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

แม้รัฐบาลจะใช้อำนาจในการเลื่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ออกไปก่อน รวมทั้งให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตามกฎหมายด้วยการปิดสถานที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19

ทว่าสถานการณ์ยังไม่มีท่าทีที่จะดีขึ้น!

'วอยซ์ออนไลน์' สัมภาษณ์พิเศษ 'ธนาธร' ภายในตึกไทยซัมมิทซึ่งเคยเป็นที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ เป็นครั้งแรกหลังเปิดตัวคณะก้าวหน้า ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อรณรงค์ทางการเมืองเคียงข้างพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคการเมืองแถวสองของพรรคอนาคตใหม่

การเปิดใจครั้งนี้ของ 'ธนาธร' ได้พูดถึงสถานการณ์ประเทศไทยหลังจากนี้จะต้องแก้ปัญหาสำคัญคือตัวผู้นำประเทศก่อนเป็นอันดับแรกภายใต้สถานการณ์ที่ 'ไวรัสร้าย' กำลังคุกคามชีวิตคนทั่วโลกและในประเทศอยู่ในขณะนี้

สัมภาษณ์ธนาธร ก้าวหน้า ก้าวไกล อนาคตใหม่

ถ้ามองสถานการณ์การเมือง ณ วันนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่มา 1 ปี ถือว่าขาลงหรือยัง

มันไม่มีใครรู้หรอกว่าขาลงเต็มที่หรือยัง มันตอบไม่ได้หรอกครับ แต่เรารู้อย่างหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม วันนี้ไม่ได้รับความศรัทธาจากประชาชน ล้มละลายทางการเมือง ไม่มีใครศรัทธาไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์อีก นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก เพราะการต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิด-19 จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่ายในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลและประชาชนต้องเชื่อใจกันและกัน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยเชื่อใจประชาชนอยู่แล้ว

แล้ววันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครฟัง พล.อ.ประยุทธ์อีกแล้ว ดังนั้นวันนี้เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากในวันที่สังคมต้องการความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน แต่รัฐบาลกับประชาชนกลับไม่ไว้วางใจกัน นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าห่วงมากว่า ทำไมคณะก้าวหน้าถึงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละด้วยการลาออก เพราะสภาวะสังคมแบบนี้มันเดินหน้าต่อไปไม่ได้

การลาออกของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องหาผู้นำคนใหม่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แนวความคิดของคณะก้าวหน้า ผู้นำคนใหม่ควรต้องเป็นคนที่มาตามรัฐธรรมนูญ

ก็กระบวนการตามรัฐธรรมนูญมีอยู่แล้วก็เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรที่จะไปดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ

ปัญหาการแพร่ระบาดเชื่อไวรัสโควิด-19 มองว่าช้าไปไหมกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล

ถ้าเราดูตัวเลขผู้ติดเชื้อ แรกๆเจอวันละ 5 คน 10 คน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจอวันละประมาณ 30 คน สัปดาห์นี้เจอ 50-60 คน ตัวเลขค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การจัดการก็จะยิ่งยาก ยิ่งเร็วยิ่งใช้ต้นทุนน้อยในการจัดการ ยิ่งเร็วยิ่งจะทำให้ผลของความเสียหายนั้นน้อยลงทั้งในทางสังคม ชีวิตของผู้คน ในทางเศรษฐกิจ ผลเสียการไม่ทำอะไรเลยแพงกว่าการตัดสินอย่างเด็ดขาด อย่างเฉียบขาดเยอะมาก

ปัญหาขณะนี้อยู่ที่ตัวผู้นำประเทศในการจัดการสถานการณ์ใช่หรือไม่

ไม่ใช่ครับ ปัญหามันไกลกว่าเรื่องประสิทธิภาพไปเยอะแล้ว ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพมีแน่นอนไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกลับไปกลับมา ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารขัดกันเองของหน่วยงานของราชการ เรื่องหน้ากากอมามัย ที่กรมศุลกากรกับกรมการค้าภายในออกมาทะเลาะกันฟ้องร้องกัน ดังนั้น การสื่อสารที่ขัดแย้งกันไปกันมา มันเห็นชัดว่ารัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพไม่มีเอกภาพในการจัดการกับสถานการณ์ได้ แต่ปัญหาใหญ่กว่านี้แทนที่รัฐบาลจะจัดการปัญหานี้อย่างวิทยาศาสตร์ ใช้ข้อมูลสถิติใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ มาช่วยในการตัดสินใจแทนที่รัฐบาลจะฟังเสียงผู้ที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลกลับไม่ทำอย่างนั้น

ผมยกตัวอย่างการที่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ไปออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้ประกอบการร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. 2563 ซึ่งกลางเดือน ก.พ. สถานการณ์ยังไม่เลวร้าย แล้วบอกให้ 1 ปี แต่ขณะที่มาตรการการปิดสถานบันเทิง ไม่มีการเยียวยาคนเล็ก คนน้อย ปิดสถานบันเทิงมันไม่ได้มีแต่ผู้ประกอบการสถานบันเทิงนะครับที่ได้รับผลกระทบ ซับพลายเชน มันยาว มีนักร้อง มีเด็กเสิร์ฟในสถานประกอบการ พ่อค้า แม่ขาย ที่ขายไก่ย่าง ส้มตำ หมูปิ้งอยู่หน้าสถานประกอบการ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่มันโดนทั้งหมด แล้วพวกนี้คือกลุ่มคนที่เป็นแรงงานนอกระบบ กลุ่มคนไม่ได้รับสลิปเงินเดือน หลายคนรับเป็นเงินสด ไม่มีแม้แต่การเข้าถึงประกันสังคม

แล้วกลุ่มคนพวกนี้เป็นคนเปราะบางในสังคมไทย ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐ รัฐปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กับโคโรนาไวรัสตามยถากรรม ตามแต่น้ำแรงของพวกเขาที่มีอยู่ 3 หมื่นล้านบาทแทนที่จะเอามาช่วยคนเหล่านี้กลับไม่ช่วย นี่คือแสดงให้เห็นชัดว่า วิธีการมองคนไม่เท่ากัน มองคนอย่างบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ใครบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ใครเป็นกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจก็ได้การเยียวยา ได้การสนับสนุนไปก่อน ใครเสียงไม่มีตัวเล็กตัวน้อยในสังคมอยู่เฉยๆ ไป แนวคิดแบบนี้ส่งเสริมความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำเศรษฐกิจในสังคม

"ถ้าเราปล่อยให้ผู้นำประเทศที่ไม่มีความสามารถในการจัดการมีทัศนคติที่เลือกปฏิบัติเอาใจคนรวย ลอยแพคนจน ปฏิบัติงานต่อไป โดยที่ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของคนจน ไม่เข้าใจความทุกข์ยากของคนที่หาเช้ากินค่ำ ประเทศมันพังหมดทั้งประเทศครับ"

มาตรการล่าสุดรัฐบาลให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งปิดสถานที่สำคัญที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ แก้ถูกจุดหรือไม่

เวลาเราพูดให้อำนาจท้องถิ่น ผู้ว่าฯ ยังเป็นราชการส่วนกลาง เป็นราชการส่วนท้องถิ่นไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่เขาต้องมาจากการเลือกตั้งที่ต้องตอบสนองประชาชนที่เป็นคนในท้องถิ่นจึงไม่มีอำนาจ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดไหนเกิดและเติบโตในจังหวัดนั้นบ้าง ไม่มี ดังนั้น ผู้ว่าฯ ไม่ใช่คนในท้องถิ่นจริงๆ การยกอำนาจให้ผู้ว่าฯ แต่ละที่ในรอบนี้สำหรับผมมันเหมือนกับการปัดความรับผิดชอบจากรัฐส่วนกลางไปมากกว่า

จำเป็นถึงขั้นต้องใช้มาตรการปิดประเทศ หรือใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมาปราบโควิด-19 หรือไม่

มันไม่มีใครตอบได้ คือถามคำถามนี้ ผมคิดว่าประเด็น พวกเราไม่มีใครเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริง โมเดลทางคณิตศาสตร์ โมเดลทางคอมพิวเตอร์มันบอกอะไรบ้าง ดังนั้น ข้อเสนอที่ควรจะเป็น คือเอาข้อมูลจำเป็นเหล่านี้เปิดเผยต่อสาธารณะ ผมต้องเรียนอย่างนี้ ประเทศไทยไม่ได้ขาดคนที่ห่วงใยสังคม ประเทศไทยไม่ได้ขาดข้อเสนอเชิงนโยบาย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข้อเสนอ คุณกรณ์ จาติกวณิช จากพรรคกล้าออกมาให้ข้อเสนอ คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ออกมาให้ข้อเสนอ ข้อเสนอต่างๆเหล่านี้ สมเหตุสมผล หลายตัวดีมากเลย ผมตอบไม่ได้นโยบายที่ดีที่สุด เพราะผมไม่ได้เข้าถึงข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข แต่ปัญหาคือภาครัฐไม่ได้เปิดเผยนโยบายตรงไปตรงมา

ที่บอกว่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ในภาวะขณะนี้ถึงจุดนั้นแล้วใช่ไหม ถ้าเป็นคนใหม่มาการแก้ปัญหาโควิด-19 จะราบรื่นหรือไม่

ถ้าคุณประยุทธ์ อยู่นานกว่านี้ ประเทศชาติยิ่งเสียหายกว่านี้ ยิ่งเสียหายมากกว่านี้ 3 เดือนที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลนี้ไม่มีศักยภาพ ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การพูดแล้วทำให้ประชาชนสับสน การพูดที่ขัดแย้งแต่ละหน่วยงานเกิดขึ้นกี่ครั้งครับ เกิดขึ้นครั้งแรกให้โอกาสได้ เกิดขึ้นครั้งที่สองให้โอกาสได้ เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้วครับ เมื่อเช้าจนถึงเมื่อเช้าก็ยังเกิดอีก กรุงเทพมหานครบอกว่าจะปิด รัฐบาลบอกว่าไม่ปิด แล้วสุดท้ายกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการสื่อสารแบบนี้ไม่มีประสิทธิภาพ

ไวรัสโคโรนาจะอยู่กับเราไปอีก 1 ปี การแก้ไขปัญหาไวรัสโคโรนา ไม่ใช่สงครามครั้งเดียวจบ แต่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อลดการแพร่ระบาดไปอีก 1 ปีเป็นอย่างน้อย ดังนั้น ถ้าเราปล่อยให้ผู้นำประเทศที่ไม่มีความสามารถในการจัดการมีทัศนคติที่เลือกปฏิบัติเอาใจคนรวย ลอยแพคนจน ปฏิบัติงานต่อไป โดยที่ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของคนจน ไม่เข้าใจความทุกข์ยากของคนที่หาเช้ากินค่ำ ประเทศมันพังหมดทั้งประเทศครับ อย่าลืมภารกิจไม่ใช่แค่เรื่องไวรัสโคโรนา แต่เป็นการฟื้นฟูประเทศหลังจากนั้นด้วย

5 ปีที่ผ่านมาบริหารเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจได้หรือไม่ว่าจะฟื้นเศรษฐกิจได้ การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนายิ่งจัดการช้า ต้นทุนยิ่งสูง ดังนั้น ข้อเสนอของพวกเราคือการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดโอกาสให้มีรัฐบาลใหม่ โดยมีภารกิจจัดการการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา และอย่างที่สองฟื้นฟูประเทศ เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใต้กรอบคิด 3 ยุบ 1 เลิก 1 แก้ ยุบศาลรัฐธรรมนูญ ยุบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 1แก้ แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้แก้ไขง่ายขึ้น และแก้ให้เกิดการมี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 1 เลิกยกเลิกมาตรา 279 ที่นิรโทษกรรมให้กับการกระทำ ประกาศ คำสั่งของ คสช.

ทั้งหมด นี่คือภารกิจเฉพาะกาลของรัฐบาลใหม่ที่จะขึ้นมา จากนั้นยุบสภาฯ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป เมื่อทำภารกิจชั่วคราวจบใน 1 ปี การเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะได้เลือก ส.ส. และมี ส.ส.ร.มาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีรัฐบาลมาจากเจตจำนงของประชาชนจริงๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง