ไม่พบผลการค้นหา
ทวิตเตอร์ยื่นฟ้องศาลต่อ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา เพื่อบังคับให้มัสก์เข้าซื้อบริษัทของตน หลังจากมัสก์เองล้มดีลการซื้อกิจการในราคา 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท) ที่ตนเสนอซื้อไปในครั้งแรก

มัสก์ประกาศถอนตัวไม่ยอมซื้อทวิตเตอร์ในราคา 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อช่วงวันศุกร์ก่อน (8 ก.ค.) โดยให้เหตุผลว่า ทวิตเตอร์ไม่สามารถส่งมอบข้อมูลตัวเลขจำนวนบัญชีปลอม และบัญชีสแปมบนแพลตฟอร์มให้แก่ตนได้

หลังจากการถอนตัว ทวิตเตอร์ตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวขึ้นฟ้องร้องต่อศาลมลรัฐเดลาแวร์แล้ว เพื่อให้ศาลพิจารณาตัดสินบังคับให้มัสก์ซื้อกิจการทวิตเตอร์ ผ่านการซื้อหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 54.20 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,960 บาท)

“หลังจากนำทวิตเตอร์มาขย่มต่อหน้าสาธารณชนแล้ว และได้เสนอตลอดจนการลงนามในข้อตกลงการควบควมกิจการที่เป็นมิตรต่อผู้ขายอย่างนายมัสก์ เห็นได้ชัดว่าเขา ซึ่งแตกต่างจากฝ่ายอื่นๆ ภายใต้กฎหมายสัญญาของเดลาแวร์ มีอิสระที่จะเปลี่ยนใจ ทำลายและขัดขวางการดำเนินงานของบริษัท ทำลายมูลค่าทรัพย์สินของผู้ถือหุ้น และเดินจากไป” คำฟ้องจากทวิตเตอร์ต่อศาลกล่าวหามัสก์ว่าทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย

คำร้องได้กล่าวหาว่า มัสก์ละเมิดข้อบังคับ “ยาวเป็นหางว่าว” ในข้อตกลงการควบควมกิจการ ด้วยการ “เลิกล้างกับทางทวิตเตอร์และธุรกิจของบริษัท” ทั้งนี้ เบรท เทย์เลอร์  ประธานของทวิตเตอร์ทวีตข้อความระบุว่า ทางบริษัทต้องการ “ให้ อีลอน มัสก์ รับผิดชอบต่อภาระผูกพันตามสัญญาของเขา” ก่อนที่มัสก์จะทวีตข้อความว่า “โอ้ เรื่องโคตรย้อนแย้ง lol (ขำ)”

คำร้องของทวิตเตอร์ยังได้ชี้อีกว่า มัสก์ทำการถอนตัวจากการซื้อทวิตเตอร์ เนื่องจากข้อตกลง “ไม่ตอบรับกับผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาอีกต่อไป” ทั้งนี้ คำร้องยังได้กล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นของทวิตเตอร์ปรับตัวลดลงต่ำอย่างรุนแรง เช่นเดียวกันกับหุ้นของเทสลา หลังจากมัสก์ตกลงที่จะซื้อทวิตเตอร์

“มูลค่าหุ้นของนายมัสค์ในเทสลา ซึ่งเป็นจุดยึดของความมั่งคั่งส่วนตัวของเขาลดลงกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ย. 2564 ดังนั้น มัสก์จึงต้องการจะถอนออกไป” คำร้องของทวิตเตอร์ระบุ “แทนที่จะทำการแบกรับราคาของตลาดที่ตกต่ำลง ตามที่ข้อตกลงการควบรวมจะเป็นไปตามเงื่อนไข มัสก์ต้องการจะพลิกภาระไปยังผู้ถือหุ้นทวิตเตอร์แทน”

มูลค่าของหุ้นทวิตเตอร์ตกต่ำลง 8% ตลอดเดือนที่ผ่านมา และในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หุ้นของทวิตเตอร์ตกต่ำลงเหลือมูลค่าต่ำกว่าจุดสูงสุดที่หุ้นละ 50 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,810 บาท) หลังจากมัสก์ร้องขอข้อมูลจากทวิตเตอร์ ในการส่งมอบตัวเลขจำนวนบัญชีผู้ใช้ปลอมหรือสแปม ก่อนที่มัสก์จะออกมากล่าวในเวลาต่อมาว่า ข้อตกลงการซื้อทวิตเตอร์ “ถูกระงับชั่วคราว” เนื่องจากทวิตเตอร์ไม่สามารถทำตามความประสงค์ของตนได้

ทวิตเตอร์ระบุอีกว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้เป็นไปเพื่อการที่ทางบริษัท “มุ่งมั่นที่จะปิดธุรกรรมเกี่ยวกับราคาและเงื่อนไขที่ตกลงกับนายมัสก์” นอกจากนี้ ข้อตกลงการควบรวมกิจการเดิม ยังรวมถึงค่าธรรมเนียมการเลิกกิจการกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) ด้วย


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/business-62144776