ไม่พบผลการค้นหา
"รมว.ยุติธรรม" เตือนพืชกระท่อมยังใช้เสรีไม่ได้แม้ผ่านสภาแล้ว คาดมีผลสมบูรณ์ตามขั้นตอนประมาณเดือน มิ.ย. ให้ ป.ป.ส. เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับเยาวชน และชาวบ้าน ช

สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้หลักสำคัญคือการนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดและยกเลิกโทษทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพราะ ต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาและส่งให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ และโปรดเกล้าฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจาฯ 90 วัน ซึ่งตรงนี้เพื่อให้การร่างกฎหมายรอง คือ พ.ร.บ.พืชกระท่อมเสร็จสมบูรณ์ด้วย  

ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ.พืชกระท่อม ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ ซึ่งตนยังตอบไม่ได้อย่างชัดเจนว่า กฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมจะใช้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่อใด แต่หากประเมินคร่าวๆ ตามขั้นตอนน่าจะประมาณ เดือน มิ.ย. และหากทำกฎหมายรองไม่ทัน ประชาชนจะไม่สามารถใช้พืชกระท่อมได้อย่างเสรี ซึ่งกฎหมายรองจะกำหนดว่าจะใช้ได้อย่างไรบ้าง และจะมีข้อกำหนดที่ห้ามเด็กและเยาวชนนำไปใช้ด้วย และหากใครจะปลูกต้องแจ้งให้ผู้นำชุมชนหรือภาครัฐทราบ โดยตั้งใจให้ปลูกได้ไม่เกินครัวเรือนละ 3 ต้น ให้ใช้ตามวิถีชีวิต ซึ่งพี่น้องประชาชนน่าจะพอใจ


ปลูกได้แต่ต้องขออนุญาต

สมศักดิ์ กล่าวอีกว่าหากประชาชนจะปลูกเยอะๆ ก็ทำได้แต่ต้องขออนุญาต เพราะมีพืชเกษตรหลายชนิด ถ้าปลูกแล้วปริมาณความต้องการน้อยกว่าปริมาณที่ปลูกจะทำให้ราคาตก และหากจะปลูกแล้วขายไม่ได้ จะมาเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนคงไม่ได้ เราอาจจะทำเป็นยาสมุนไพร ยาแก้ปวดแทนมอร์ฟีน ที่หลายประเทศผลิตออกขาย ได้เงินถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งพืชกระท่อมจากการศึกษามีผลระงับอาการปวดที่ดีกว่ามอร์ฟีน หรือนำมาผลิตเป็นยาชูกำลัง ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด

แต่วันนี้เรายังไม่แน่ใจว่าปลูกแล้วส่งออกจะทำได้ดีขนาดไหน ดังนั้นเราต้องมีการควบคุมการปลูกไม่ให้มากเกินเหมือนยางพารา ที่ปลูกกันมากจนทำให้ยางพารามีราคาถูก เกษตรกรเดือดร้อนมาก ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่พบชาวบ้านหลายแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ส.ส.หลายคนบอกว่ากระท่อมเป็นพืชประจำถิ่น และเป็นที่นิยมของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานจะใช้เครื่องดื่มชูกำลังก็ราคาแพง

อย่างบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ปลูกกันมากและเป็นพื้นที่ตัวอย่างว่ากระท่อมเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิต และผู้คนที่ใช้กันมา 20-30 ปี ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกาย จึงคิดว่าเป็นพืชที่อยู่ใกล้ชิดกับวิถีของชุมชน การทำกฎหมายกระท่อม ไม่น่าจะยาก และจากการได้พบอดีตประธานศาล อดีตอัยการ ท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นคดีที่รกศาล เพราะปีๆ หนึ่งมีเป็นหมื่นคดี ค่าใช้จ่ายในคดีเป็นร้อยๆ ล้าน ตรงนี้จะช่วยลดคดีและค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างมาก

อ่านเพิ่มเติม