ไม่พบผลการค้นหา
คาซัคสถานเกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ หลังรัฐบาลอำนาจนิยมบริหารจัดการราคาแก๊ซล้มเหลว จนทำให้ราคาเชื้อเพลิงในประเทศพุ่งสูงขึ้น ในทางกลับกัน กลุ่มผู้ประท้วงกลับถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างหนัก ผู้คนจำนวนนับสิบถูกสังหาร หลายร้อยได้รับบาดเจ็บ

คาสซิม โจมาร์ต โทกาเยฟ ประธานาธิบดีของคาซัคสถานยังคงเดินหน้าปราบปรามถึงแม้ว่ารัฐบาลคาซัคสถานจะประกาศลาออก หลังกลุ่มผู้ชุมนุมลุกขึ้นขับไล่รัฐบาลอำนาจนิยมอย่างหนัก ทั้งนี้ จากรายงานระบุว่ามีประชาชนและตำรวจเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 353 ราย ตลอดจนมีผู้ชุมนุมถูกจับกุมตัวอีกอย่างน้อย 2,298 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ยังคงบานปลายจนโทกาเยฟตัดสินใจขอให้รัสเซียส่งกองกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ในประเทศของตนเอง

กองกำลังของรัสเซียจำนวน 2,500 นาย พร้อมอาวุธยกพลเข้าสู่เมืองอัลมาตี เมืองที่ใหญ่ที่สุดของคาซัคสถาน โดยอาศัยความร่วมมือขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) ซึ่งมีคาซัคสถานและรัสเซียเป็นสองในสมาชิก ทั้งนี้ รัสเซียระบุว่ากองกำลังดังกล่าวเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ และจะทำการปกป้องรัฐของคาซัตสถาน ตลอดจนการตั้งค่ายทหารขึ้น โดยกองกำลังจะประจำการอยู่ในคาซัคสถานอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

จากการส่งกองกำลังของรัสเซียเข้าคาซัคสถานนั้น กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ออกมาระบุว่า ตนกำลังจับตามองการส่งกองกำลังเข้ามายังประเทศอื่นอย่างใกล้ชิด “สหรัฐฯ และทั่วโลกจะจับตาทุกการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน” อย่างไรก็ดี โทกาเยฟระบุว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคือ “กลุ่มก่อการร้าย” ที่ได้รับการฝึกมาจากต่างชาติ ทั้งนี้ โทกาเยฟไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยำคำพูดของตน

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังได้ระบุอีกว่า พวกเขากังวลถึงปัญหาที่รัสเซียได้ส่งกองทัพเข้าไปยังคาซัคสถาน ซึ่งอาจนำมาสู่การยึดครองประเทศอื่น “เราจะจับตาทุกการกระทำที่อาจจะนำไปสู่แนวโน้มของการยึดครองสถาบันทางอำนาจของคาซัคสถานด้วยเช่นกัน” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

การประท้วงในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทางการของคาซัคสถานบริหารจัดการราคาแก๊ส LPG ล้มเหลว จนทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ความไม่พอใจของประชาชนเริ่มลุกลามจนกลายสภาพมาเป็นการเดินประท้วงขับไล่รัฐบาลบนท้องถนน ทั้งการเผาอาคาร รถ ตลอดจนที่อยู่ของประธานาธิบดี โดยถึงแม้ว่ารัฐบาลของคาซัคสถานจะมอบคำสัญญาว่าจะแก้ปัญหาราคาเชื้อเพลิงแพงภายในระยะเวลา 6 เดือน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ประชาชนหยุดการประท้วงขับไล่ได้

คาซัคสถานยังคงปกครองด้วยระบอบอำนาจนิยม ถึงแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งแต่รัฐบาลครองเสียงในสภากว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ คาซัคสถานยังคงไม่มีพรรคฝ่ายค้าน ความสัมพันธ์ของรัฐบาลคาซัคสถานมีความใกล้ชิดกันกับรัสเซียอยู่อย่างมาก เนื่องจากเป็นอดีตประเทศในเครือสหภาพโซเวียต และยังคงถ่ายทอดมรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-asia-59900037

https://www.nytimes.com/2022/01/05/world/asia/kazakhstan-protests.html