เวลา 12.05 น. วันที่ 17 ก.พ. 2566 ที่วัดม่วงเดียด หลวงพ่อลี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มี ส.ว.ประกาศจะไม่เลือกนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยว่า ขอบคุณมากที่ช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียง ทำให้ประชาชนได้ประจักษ์ ที่เขาสงสัยอยู่ว่าทำไมเราพูดปิดสวิตช์ ส.ว.จำเป็นแค่ไหน เมื่อพรรคเพื่อไทยหาเสียงเหนื่อยขนาดนี้และมี ส.ว.เข้ามาช่วยเราหาเสียง จึงขอบคุณมากๆ ส่วนพรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์คือการนำเสนอนโยบายสู่ประชาชน ที่เราต้องปรับให้ดีขึ้น
ถามว่า ส.ว.บางคนบอกว่า น.ส.แพทองธาร อ่อนประสบการณ์ทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ตนอายุ 36 ปีมีประสบการณ์ทางธุรกิจ ตนได้ไปหลายธุรกิจมาก แต่คนที่อายุน้อยกว่าตนเป็นเจ้าของบริษัทและก็เก่งกว่าตนด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่รู้สึกว่าตัวเองดีที่สุดแต่มีทีมที่ดีที่สุด ส่วนการแสดงความเห็นของ ส.ว.นั้นเรื่องอายุเป็นความเห็นที่เชยแล้ว ถ้าพูดเรื่องอายุ 60-70 ปี หรือเด็ก ก็เป็นคำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ ควรหันไปดูทั่วโลกบ้างว่า ผู้นำแต่ละชาติอายุเท่าไรกันบ้าง อย่างผู้นำบริษัท หรือผู้นำต่างๆ ในไทยก็มีเด็กเก่งๆ เยอะมาก อย่าให้ความเห็นอย่างนี้
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพขณะนี้ในสนามเลือกตั้งชัดเจนแล้วว่า ส.ว. 250 คน เตรียมสกัดขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน แม้กระทั่งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้เสียงเกินครึ่งก็ยังไม่ยอมรับ ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องประกาศเป้าหมายแลนด์สไลด์ เรารู้ดีว่าคู่แข่งไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็น ส.ว. 250 คน ขณะนี้ไม่ใช่สเต็ปเดียวยกมือสกัดกั้นพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าใช้ 250 ส.ว. ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ได้ ขั้นตอนต่อไปก็จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นนายกฯ ได้ยาวๆ
“เราไม่มีที่พึ่งนอกจากประชาชน ตนเชื่อว่าถ้าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงต้อง ก็จะมีพรรคเพื่อไทยที่ทำให้ได้ ส่วนกรณีวิจารณ์ประสบการณ์ น.ส.แพทองธาร จึงอยากให้พรรค ส.ว.พิจารณากันดีๆ หลายคนเข้าสภาเป็น 10 ปี แต่ไม่เคยลงเลือกตั้งเลย ยังไม่เคยกล้าประกาศตัวให้ประชาชนพิจารณา ซึ่ง น.ส.แพทองธารมาตามกติกา เข้าตามตรอก ออกตามประตู ถ้าประชาชนไม่เลือกก็เคารพการตัดสินใจ แต่ถ้าประชาชนเลือกอยากให้ ส.ว.ทั้งหลายเคารพประชาชนด้วย” ณัฐวุฒิ ระบุ
ถามว่า ถ้าประชาชนเลือก แพทองธาร พร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ถ้าประชาชนเลือกก็ต้องแน่นอนสู้เต็มที่ เพราะพรรคเพื่อไทยมีทีมมีนโยบาย ดังนั้นต้องเคารพเสียงประชาชน
ถามย้ำว่า พร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ แพทองธาร ระบุว่า พูดแบบนี้แล้วรู้สึกว่าจะแม้จะยังไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการ แต่ตนเองก็รู้สึกเขินๆ
“อิ๊งค์ขอไม่ท้าทายกับดราม่าทางการเมือง อิ๊งค์ขอท้าทายด้วยเสียงของประชาชน อิ๊งค์บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าอิ๊งค์ไม่จำเป็นต้องเลือกอิ๊งค์เป็นนายกฯ แต่ควรเคารพเสียงของประชาชนด้วย” แพทองธาร กล่าว
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า เราต้องหาเสียงต่อไป เพื่อเป็นรัฐบาลต่อไป ทำเพื่อประชานต่อไป ไม่มีการเดิมพันหรืออะไร เมื่อมีโอกาสเมื่อไหร่เราก็จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน
ด้าน ณัฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า คนตัดสินใจคือประชาชน จะเดิมพันกี่ครั้งแต่พรรคเพื่อไทยยังมีจุดยืนเดิม เดินหน้าด้วยนโยบายประชาชนก็มีสิทธิตัดสินใจทุกครั้ง
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. อุบลราชธานี ยกจังหวัดทั้ง 11 เขตหรือไม่ แพทองธาร ผายมือไปที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานีด้านหลัง พร้อมกล่าวว่า “มั่นใจมากๆ ค่ะ ผู้สมัครของเรา ซึ่งมาเต็มที่มาก อีกทั้งประชาชนที่มาฟังคำปราศรัยตอนแรกคิดว่าจะมีแค่หมื่นคน แต่นับไปนับมาจะ 30,000 คน ต้องขอบคุณพี่น้องชาวอุบลฯ มากๆ ที่ให้การต้อนรับดีขนาดนี้ เป็นกำลังใจให้พรรคเพื่อไทยอย่างมากที่จะไปหลายๆ จังหวัดใน 3วันนี้ ยังเหลืออีก 8 เวที อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อน”
เมื่อถามว่า จะมีการเพิ่มจุดเด่นของพรรคอะไรของพรรคหลังจากนี้หรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่บอกไปตอนแรก หลังจากยุบสภาจะมีนโยบายเข้มข้นขึ้น และตอนนี้ ที่เราเดินทางไปแต่ละจังหวัดก็จะมีนโยบายที่ชัดเจนขึ้นของแต่ละจังหวัด เพราะแต่ละพื้นที่ต้องการการปรับปรุง เรื่องปากท้องไม่เหมือนกัน ตนก็พยายามจะสื่อสารแต่ละที่ว่าเรามีนโยบายเฉพาะของเขาด้วย รวมถึงนโยบายภาพรวมคืออะไร
‘ณัฐวุฒิ’ สวน ‘ประยุทธ์’ พูดในสภาไม่มีน้ำ สามหาวไม่มีเว้น ป้องบ้านโครงการยักษ์ให้สัญชาติต่างด้าว
ฝณัฐวุฒิ กล่าวกึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงวระหว่างการอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติตอนหนึ่งว่า รัฐบาลนี้ไม่มีมีการขายบ้านแถมสัญชาติว่าต้องพูดก้นตรงๆ ว่าตลอดเวลา 8 ปีจนถึงเมื่อคืน พล.อ.ประยุทธ์พูดในสภายังเป็นคนเดิมมะนาวไม่มีน้ำ สามหาวไม่มีเว้นพูดจาเอาดีเข้าตัวเก่งกว่าใคร ดีที่สุดเหนือกว่าคนอื่นทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งที่ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ส่วนกรณีพาดพิงตอบโต้ไปมาเรื่องทุนจีนสีเทา เราต้องเคารพข้อเท็จจริงว่า คนๆ นั้นได้รับสัญชาติในปี 2557
ส่วนกรณีที่บอกว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวไปซื้อบ้านในโครงการยักษ์ใหญ่ ข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนรายงานว่ามีการซื้อกันในปี 2563 หลังจากได้รับสัญชาติในรัฐบาลปัจจุบันแล้ว 6 ปี ดังนั้นซื้อบ้านแถมสัญชาติมันจึงไม่มี มีแต่ให้สัญชาติแล้วไปฟาดเงินเข้าพรรค
“ตู้ห่าวเป็นคนบริจาคเงินเข้าพรรคพลังประชารัฐ แล้วหลังจากนั้น ส.ว. อ.อ่าง ก็ให้ที่ดินตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ทบทวนตัวเองในขณะที่เราไม่ได้อยู่ใน กทม ทำตัวให้เรียบร้อย ความจริงก็คือความจริง อย่าบิดเบือน ทั้งที่หลักฐานคาพรรค คาที่ดิน คาบัญชี คาตึก คาอาคารอยู่” ณัฐวุฒิกล่าว