วันที่ 15 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา ก่อนการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มองแนวโน้มการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ขณะนี้เลยเวลานัดหมายแล้วองค์ประชุมยังไม่ครบ ถ้าประธานปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ จะรอได้ 30 นาที หากเลยเวลาประธานต้องประกาศเลื่อนการประชุมออกไป แต่เท่าที่ทราบเบื้องต้นประธานได้หารือกับวิป 3 ฝ่ายค้าน ขอรอจนถึงเวลา 10.00 น. ซึ่งต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร 

แต่หากองค์ประชุมไม่ครบถือเป็นกลไกหนึ่งที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกคว่ำกลางสภา เพราะองค์ประชุมไม่ครบ เนื่องจากมีหลายพรรคไม่เห็นด้วย หรือหากกฎหมายผ่าน คิดว่าจะถูกตีตกในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ และจะไม่มีกฎหมายสำหรับเลือกตั้งที่ใช้สำหรับรับการเลือกตั้ง ซึ่งก็สุ่มเสี่ยงหากมีเหตุการณ์ยุบสภาในช่วงนี้ จะไม่สามารถเลือกตั้งได้ และนายกรัฐมนตรีจะสามารถรักษาการยาวได้ จึงคาดการณ์ได้ว่าหากปล่อยให้เป็นไปตามนี้ จะทำให้รัฐบาลอยู่ยาว ผูกขาดอำนาจ และจะเกิดวิกฤติทางการเมือง โดยเฉพาะรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีชุดนี้ 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อวิกฤติการเมือง

ยืนยันเจตนารมณ์

สำหรับแนวคิดการกลับไปใช้บัตรใบเดียวได้หรือไม่ มองว่า ความเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเร่งดำเนินการในสมัยประชุมที่เหลืออยู่ยังสามารถทำได้ โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย แสดงเจตนารมณ์มาตลอด ว่าระบบเลือกตั้งต้องสะท้อนอำนาจของประชาชน ในฐานะเสียงข้างน้อยก็พยายามสู้กับหลักการ เพราะประสบการณ์การมีบัตรใบเดียวก็เคยเห็นมาแล้ว ว่า เป็นวิธีการที่ทำลายระบบรัฐสภา ทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะคัดค้านและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าจะกลับไปใช้บัตรใบเดียว ต้องมีวิธีการคำนวณที่สอดรับกันด้วย

ส่วนการยื่นตีความการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นมองว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ แม้จะดำรงตำแหน่งติดต่อกัน ซึ่งคำว่าติดต่อนั้นมีความหมายว่าจะต้องย้อนหลังไปด้วย แต่ยังไม่มีบทบัญญัติใดระบุไว้ว่าไม่ให้นับย้อนหลัง หรือยกเว้น ซึ่งพรรคฝ่ายค้านจะร่วมลงชื่อยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความ และขอให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยขณะนี้รอประธานนัดหมายวันและเวลาอีกครั้ง