โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาจีนอย่างรุนแรงต่อสาธารณะระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ที่ 'โรสการ์เดน' ภายในทำเนียบขาวว่า จีนเป็นภัยคุกคามภูมิศาสตร์ทางการเมืองของโลก โดยชี้ว่าจีนพยายามขโมยข้อมูลสำคัญของภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯมาโดยตลอด และกล่าวว่าฮ่องกง ไม่สามารถรักษาสถานะการบริหารตัวเองอย่างเป็นอิสระจากจีนได้อีกต่อไป
เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลจีน ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯจะออกมาตรการเพื่อเป็นการปกป้องนักลงทุนชาวอเมริกันจากกิจกรรมในภาคการเงินของจีน พร้อมทั้งกล่าวโทษจีนด้วยว่ารัฐบาลจีนนั้นตั้งใจประกาศความเป็นเจ้าของในพื้นที่ข้อพิพาททะเลจีนใต้อย่างผิดกฎหมาย อันเป็นการขัดขวางสิทธิเสรีภาพทางการสำรวจน่านน้ำ
นอกจากนั้น ทรัมป์ได้ประกาศถอนตัวสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ยังดำเนินอยู่ โดยให้เหตุผลว่า WHO อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนอย่างเต็มรูปแบบ และยอมทำตามการกดดันของจีนให้พาประชาคมโลกเดินมาอย่างผิดๆในการรับมือโรคระบาด โดยจะหันไปมอบเงินสนับสนุนให้องค์กรด้านสาธารณสุขระดับโลกอื่นๆแทน พร้อมทั้งยังประกาศด้วยว่าสหรัฐฯจะทำการแบน ‘ชาวจีนบางกลุ่ม’ ไม่ให้เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ และจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ในจีนและฮ่องกงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขัดขวางเสรีภาพในฮ่องกงไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้ ออกคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อจำกัดการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของนักศึกษาระดับปริญญาโท นักเรียนวีซ่าประเภท F และ J และนักวิจัยชาวจีน โดยระบุว่าบุคคลกลุ่มนี้ถูกรัฐบาลจีนมอบหมายให้เข้ามาขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐฯ ยกเว้นนักศึกษาระดับปริญญาตรี และนักเรียนชาวจีนที่ถือ ‘กรีนการ์ด’
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังได้กล่าวประณามการกระทำของรัฐบาลในการจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนชาวฮ่องกงอีกด้วย หลังจากที่สภาประชาชนจีนประกาศผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ฮ่องกง และนานาชาติมองว่าเป็นการใช้กฎหมายกำจัดผู้เห็นต่างทางการเมืองกับจีน จำกัดสิทธิเสรีภาพของฮ่องกง และถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งของสองชาติมหาอำนาจโลกขึ้นไปอีกขั้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐฯต้องเพิกถอนสิทธิพิเศาทางการค้ากับฮ่องกง และปฏิบัติกับฮ่องกงด้วยมาตรฐานเดียวกันกับการปฏิบัติกับจีน เพราะฮ่องกงไม่สามารถรักษาสถานะการเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้อีกต่อไป
การแถลงของทรัมป์ในครั้งนี้มีขึ้นระหว่างที่สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯนั้นยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตเกิน 100,000 ราย เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทรัมป์ยังคงกล่าวโจมตีอย่างต่อเนื่องว่าเป็นความผิดของจีนและองค์กรอนามัยโลกหรือ WHO
อีกทั้งขณะนี้ความรุนแรงในสหรัฐฯ เมื่อประชาชนจำนวนมากต่างลุกฮือออกมาก่อจลาจลทั่วประเทศ เพื่อ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ ‘จอร์จ ฟลอยด’ ชายผิวดำวัย 46 ปี ซึ่งถูกตำรวจใช้กำลังจับกุมจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์อันน่ากังวลทั้ง 2 เรื่องนี้ในการแถลงแต่อย่างใด