องอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศจุดยืนทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า เป็นความชัดเจนในการเดินหน้าทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะที่ผ่านมาสังคมก็มีความไม่แน่ใจ

"เชื่อว่านายกรัฐมนตรีตัดสินใจดีแล้ว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของท่านในการสื่อสารกับประชาชน มีความชัดเจนต่อทั้งตัว พล.อ.ประยุทธ์ เอง ต่อพรรคการเมืองที่จะไปสังกัด และความชัดเจนต่อประเทศชาติบ้านเมือง"

ส่วนการประกาศความชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะนี้ จะส่งผลให้ได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ องอาจมองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะคนที่เป็นรัฐบาลมีโอกาสในการสร้างผลงานมากกว่า แต่คนที่เป็นรัฐบาล รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเป็นรัฐบาล ก็ต้องระมัดระวังไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐไปเอื้อประโยชน์สำหรับการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน ต้องไม่ใช้เวลาราชการไปทำงานเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเชื่อว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว และคิดว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในปัจจุบันก็เข้าใจดี น่าจะปฏิบัติตามแนวทางนี้ 

ส่วนกระแสเลือดเก่าไหลออก จากประชาธิปัตย์ไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคยอมรับว่า หลังจากนี้คนในพรรคที่จะไปร่วมงานกับการเมืองต่างๆ นั้น อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่จำนวนที่มาก เพราะเชื่อว่าอดีต ส.ส.ของพรรคส่วนมากยังทำงานกับประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะตัดสินใจทางการเมือง ในวิถีทางที่เหมาะสมกับแต่ละคน ยอมรับอาจจะมีเลือดไหลจากประชาธิปัตย์ไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

"ไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามแสวงหาบุคคลเหมาะสมอื่นๆ มาทำหน้าที่ ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ คนที่ออกไปนั้นก็ทราบกันว่ามีแนวโน้มจะไปอยู่แล้ว ทุกพรรคก็มีคนเข้าคนออกตลอดเวลา เป็นปรากฏการณ์ปกติในช่วงใกล้เลือกตั้ง"

สำหรับความพร้อมในยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งหน้า ในพื้นที่ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ องอาจ ระบุว่า จะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้แบ่งเขตการเลือกตั้งที่ชัดเจน 33 เขต พรรคประชาธิปัตย์มีผู้สมัครครบทั้งหมด โดยเชื่อมั่นว่า ผลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์จะได้รับการตอบรับที่ดี ส่งผลให้การเลือกตั้งสมัยหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงที่ดีขึ้น 

องอาจ ยังย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังเตรียมการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ในการเลือกตั้งปี 2562 ที่พรรคไม่มี ส.ส. ในกรุงเทพฯ เลยแม้แต่คนเดียว แต่เบื้องต้นจากการสรรหา ผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. พรรคประชาธิปัตย์ สามารถทำงานได้ผลดีในระดับหนึ่ง จากที่ไม่เคยมี ส.ส. ในกรุงเทพฯ มาก่อน และถูกสบประมาทอย่างมากว่าประชาชนไม่สนับสนุนแล้ว คงไม่ได้ ส.ก. หรือแม้แต่ ผู้ว่าฯ คงอยู่ลำดับท้ายๆ แต่ผลชัดเจนว่าผู้ว่าฯ อันดับ 2 ส่วน ส.ก. ได้ถึง 9 ที่นั่ง