ไม่พบผลการค้นหา
"ศรีสุวรรณ" ชี้กระทรวงพลังงานฝ่าฝืน รธน.มาตรา 56 วรรคสอง อนุญาตให้เอกชนผลิตไฟฟ้าเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่อเจตนาเอื้อประโยชน์ ผลักภาระค่าใช้จ่ายซื้อไฟฟ้าจากเอกชนให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแพง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2562 ที่เสนอแนะให้กระทรวงพลังงาน ปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2561-2580 หรือ PDP2018 เพื่อให้รัฐมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าร้อยละ 51 ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 56 วรรคสอง โดยให้พิจารณาตามข้อเสนอแนะภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งผล และดำเนินการให้รัฐมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ภายใน 10 ปี นับจากปี 2562 นั้น

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีความล่าช้ามาก เพราะปัจจุบันไทยยังมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งประเทศสูงถึง 45,595 เมกะวัตต์ โดยที่เป็นสัดส่วนที่ กฟผ. ผลิตได้เพียง 15,424 เมกะวัตต์ หรือประมาณร้อยละ 33.83 เท่านั้น ส่วนเอกชนมีปริมาณการผลิตมากถึง 30,171 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 66.17 ทำให้มีไฟฟ้าสำรองมากเกินจำเป็น ซึ่งเป็นเหตุให้รัฐบาลผลักภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนที่สำรองอยู่เป็นจำนวนมาก มาให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนต้องร่วมกันจ่ายผ่านค่า FT นั่นเอง

ดังนั้นหากไม่สามารถลดสัดส่วนที่เกินไปกว่าร้อยละ 18 ดังกล่าวลงมาได้ รัฐบาลต้องไม่ผลักภาระมาให้ประชาชนต้องร่วมกันจ่าย แต่ควรที่จะต้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้บริหาร สนพ. กรรมการ กพช. และคณะกรรมการ กกพ. ทุกคนที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 (วันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560) เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันเป็นผู้รับผิดชอบแทน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่ยังคงอนุมัติอนุญาตให้เอกชนผลิตไฟฟ้าจนเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น เชื่อว่าเป็นเจตนาที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนโดยชัดแจ้ง ซึ่งอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งกรณีดังกล่าว แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 ม.56 วรรคสอง มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าแต่อย่างใด ดังนั้น ควรที่จะต้องเอาผิดบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือ การรื้อสัญญาโรงไฟฟ้าเอกชนทั้งหมดในส่วนที่ดำเนินการไปแล้วนำมาเกลี่ยให้ไม่เกินร้อยละ 49 ตามรัฐธรรมนูญจึงจะชอบ

"การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของรัฐไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 นั้นอาจทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่นำบริษัทลูกของ กฟผ. อาทิ RATCH และ GPSC และ ปตท. กลับมามีสัดส่วนของหุ้นเกินร้อยละ 51 แค่นี้ก็จะทำให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากร้อยละ 33.83 เพิ่มขึ้นเป็นกว่าร้อยละ 51 ได้ไม่ยากเลย โดยไม่ต้องไปรอให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆเข้ามาในระบบ ที่จะทำให้มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นช่องทางในการผลักภาระค่าใช้จ่ายมาให้ประชาชนผ่านค่า FT ในทุกๆ บิลค่าไฟนั่นเอง" นายศรีสุวรรณ กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :