ไม่พบผลการค้นหา
ผลการทดสอบหาเชื้อของผู้ที่อาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์ก 3,000 ราย พบ 14 เปอร์เซ็นต์มีแอนติบอดี้โควิด-19 ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 8.8 แสนราย

แอนดรูว์ กัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวว่าจากการคัดกรองตรวจหาเชื้อประชาชนจำนวน 3,000 คน พบว่า 14 เปอร์เซ็นต์ หรือ 420 คน มีภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้สำหรับเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลการทดสอบดังกล่าวชี้ว่า อาจมีผู้ที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กติดเชื้อแล้วถึง 2.7 ล้านราย

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า 'การตรวจหาผู้ติดเชื้อนั้นมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ประชาชนที่ออกไปซื้อของ ซึ่งหมายความว่า พวกเขามีโอกาสที่จะได้รับเชื้อไวรัสมากกว่าผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน'

การตรวจค้นหาดังกล่าวยังคงมีข้อจำกัดและเป็นเพียงการตรวจในเบื้องต้นเท่านั้น ทั้งนี้ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กยังกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในนิวยอร์กก่อนที่ทางการจะรับทราบเหมือนเช่นที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งค้นพบว่ามีการแพร่ระบาดและมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก่อนที่ทางการสหรัฐฯ จะรายงานการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดอย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 268,528 รายและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 20,861 ราย ซึ่งมากที่สุดในสหรัฐฯ ขณะที่ทั่วทั้งสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อแล้วถึง 880,204 และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 49,845 ราย

วานนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ อาจจะขยายเวลามาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคมออกไปอีก หากเขารู้สึกว่าประเทศยังไม่ปลอดภัยจากการแพร่ระบาด

ทั้งนี้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศให้ทุกคนปฏิบัตินั้นจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.นี้

อย่างไรก็ตามในหลายๆ รัฐของสหรัฐฯ เริ่มวางมาตรการกลับมาเปิดกิจการ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าหรือการดำเนินธุรกิจอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ที่มา CNN / CNA

ข่าวที่เกี่ยวข่้อง