วันนี้ (31 พ.ค.) สุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ จเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีแนวคิดอยากเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ดึงข้อดีของแต่ละพรรคการเมืองมาทำงานเพื่อประเทศ รวมถึงยืนยันจะไม่ลงมติให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากจุดยืนในการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลว่า ก็คงเป็นสิทธิส่วนตัวของจเด็จ แต่อย่างไรก็ตามพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ก็มาจากการยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่
“ทุกคนก็รักชาติบ้านเมืองเหมือนกันทั้งนั้น ซึ่งหากทุกคนเคารพเสียงของประชาชนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียวคงไม่ได้ วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เลือกแล้วว่าจะเอาแบบไหน ฉะนั้นพวกเขาคงไม่ติดใจต่อประเด็นต่างๆ ส.ว.ควรจะเคารพเสียงประชาชน เคารพการเลือกตั้ง” สุทิน กล่าว
ส่วนเรื่องการเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น สุทิน มองว่า บ้านเมืองตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องทำแบบนั้น เพราะเพิ่งจะผ่านการเลือกตั้งไปไม่นาน แล้วเสียงประชาชนก็ชัดเจนว่าอยากให้ใครเข้ามาบริหารประเทศ การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ควรทำเมื่อประเทศเกิดทางตัน หาทางออกไม่ได้ หากวันนี้ทำได้ วันหน้าก็ทำได้ คำถามคือแล้วจะมีการเลือกตั้งทำไม
ถามต่อว่ารัฐบาลแห่งชาติที่กล่าวข้างต้นในแนวคิดของจเด็จ อาจรวมถึงการทำงานร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย สุทิน มองเหมือนว่าเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน วันนี้ชัดเจนแล้วเขาอยากให้ใครตั้ง และไม่อยากให้ใครตั้ง
ถามต่อว่าหากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร สุทิน บอกตนไม่อยากทำนายอะไรกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าวันนั้นทั้ง 8 พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล คงต้องมาหาทางออกร่วมกัน ปรับรูปแบบอย่างไรถ้าหากกรณีเกิดทางตันจริงๆ