6 มี.ค. 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ระบุกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารไทยซัมมิท กรุ๊ป จับมือผศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เตรียมตั้งพรรคการเมือง สู้กลุ่มการเมืองที่ตั้งพรรคที่สนับสนุน คสช.ว่า อยู่ที่การพิจารณาของประชาชนว่านโยบายเชื่อถือได้หรือไม่ ไม่ว่าจะพรรคเก่าหรือพรรคใหม่ ต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
ส่วนท่าทีกลุ่ม กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เคยประกาศหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อนั้น เริ่มไม่ชัดเจนว่าจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ ไม่ว่ากลุ่มใดจะสนับสนุน ก็ต้องขอบคุณ เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลจะรักใครชอบใครก็เชียร์คนนั้น แต่ส่วนตัวยังไม่ได้พิจารณา และขณะนี้ยังไม่มีใครทาบทาม มีเพียงพูดผ่านสื่อเท่านั้น ส่วนกฎหมายใหม่ต้องเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ถึงเวลา อย่าเพิ่งเร่งโจมตีตน ขอเวลาทำงาน
เมื่อถามย้ำ จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ต้องดูนโยบายของแต่ละคนแต่ละพรรค ตนคิดแบบประชาชน คนที่อยู่ในพรรคต้องมีความน่าเขื่อถือโปร่งใส รอบรู้ การจะเป็นรัฐบาลไม่ใช่เป็น ส.ส. ที่รับฟังปัญหาชาวบ้านแล้วมาเสนอของบประมาณเท่านั้น แต่จะต้องมีความรู้เรื่องงบประมาณแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติด้วย
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สนใจผลสำรวจคะแนนนิยมของรัฐบบาลและนายกรัฐมนตรีที่ลดลง โดยระบุว่า ถ้าไปสนใจก็คงต้องไม่ทำงาน แต่คะแนนโพลลดลงแสดงว่าทำงานได้ผลเพราะต้องแก้ปัญหา หากทำงานตามใจคน คะแนนโพลจะดีขึ้น ดังนั้น ขอให้เลือกเอา ระหว่างคะแนนโพลดีขึ้น แต่บ้านเมืองแย่ ยืนยันตนไม่ได้ทำงานด้วยโพล และขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจ รวมถึงผู้ที่ตำหนิ เพราะเป็นกระจกส่องตน ซึ่งไม่ได้ถือเป็นอารมณ์ แต่บางเรื่องไม่ใช่สาระข้อเท็จจริง จึงไม่สนใจและไม่ทำตาม ซึ่งตนเชื่อมั่นใจตนเองและ ครม.มากกว่าผลโพล แต่ทั้งหมดก็พร้อมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์
(ภาพ - เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล)
'อลงกรณ์'รับถูก 3 พรรคจีบนั่งหัวหน้าพรรค
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่1 และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่ตัวเองกำลังตั้งพรรคการเมืองใหม่โดยดึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าสังกัด โดยยอมรับว่า มีพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่และกลุ่มที่กำลังจะจัดตั้งพรรคการเมืองอย่างน้อย3พรรคติดค่อทาบทามให้ไปเป็นหัวหน้าพรรค เพราะเขาเห็นว่ามีประสบการณ์ทางการเมืองกว่า25ปี เคยเป็นทั้งรัฐมนตรีส.ส. และเป็นผู้ผลักดันการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอดรวมทั้งมีความเป็นกลางพูดคุยกับทุกฝ่ายได้น่าจะเหมาะสมในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันที่ต้องการความสมานฉันท์ปรองดองและขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งตนก็ขอบคุณทุกพรรคทุกกลุ่มที่ให้เกียรติและให้ความไว้วางใจ แต่ก็ขอเวลาในการตัดสินใจว่าจะกลับสู่การเมืองอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากเคยประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว
นายอลงกรณ์ ระบุว่า ขอให้กำลังใจทุกพรรคและรัฐบาลให้ร่วมมือกันเดินหน้าประเทศตามโรดแมปสู่การเลือกตั้งภายในเดือนก.พ. ปี 2562 ซึ่งจากการได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะคืนประชาธิปไตยให้มีการเลือกตั้งตามที่ประกาศไว้