ไม่พบผลการค้นหา
โหลดรูปจนแอ่น! เมื่อ 'คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง' ไปนิทรรศการการ์ตูนในตำนานอย่าง 'โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ' และเก็บทุกบรรยากาศมาให้แฟนๆ ชาวไทยได้ชมอย่างเต็มอิ่ม ผู้ใช้สแตนด์คนไหนอยากไปตาม มีรายละเอียดไว้ให้แล้ว

ถ้าพูดถึงการ์ตูนญี่ปุ่นที่โด่งดังจากยุค 90 หนึ่งในเรื่องที่ต้องติดโผอย่างแน่นอนคือ JoJo's Bizarre Adventure หรือ ‘โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ’ ผลงานของ อ.ฮิโรฮิโกะ อารากิ ที่ชาวไทยมักจะเรียกกันว่า ‘โจโจ้’ แต่มังงะเรื่องนี้ต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง Dragon Ball หรือ Slam Dunk ตรงที่การ์ตูนในยุคนั้นส่วนใหญ่มักจะปิดฉากกันไปหมดแล้ว หากแต่เรื่องราวของ ‘โจโจ้’ ยังคงดำเนินอยู่ถึงปัจจุบัน

‘โจโจ้’ เป็นมังงะที่ค่อนข้างประหลาด ปฏิกิริยาของคนอ่านมักเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจนคือ ‘อิน’ หรือ ‘ไม่อิน’ เหตุมาจากว่าผลงานชิ้นนี้มีลายเส้นค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ต่างจากมังงะทั่วไป ไม่ได้มีความน่ารักหรือโมเอะแบบที่คนคุ้นชิน อ.อารากิเน้นโครงหน้าและรูปร่างที่ใกล้เคียงกับคนจริงๆ ถึงกระนั้น ‘โจโจ้’ ก็ไม่ได้เน้นความสมจริงไปเสียหมด


สิ่งที่โด่งดังมากคือการที่ตัวละครชอบทำท่าทางประหลาดบิดๆ เบี้ยวๆ ชนิดที่มนุษย์ปกติคงไม่ทำกัน หลายคนเลยชอบแซวว่า ‘โจโจ้ จอมแอ่น’ (ล้อกับ ‘ชินจัง จอมแก่น’)

ความเฉพาะตัวของ ‘โจโจ้’ ยังอยู่ที่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของตัวละครที่แทบจะยกรันเวย์แฟชั่นโชว์มาเลยทีเดียว เป็นที่รู้กันดีว่า อ.อารากิ มีความสนใจอย่างกว้างขาง ทั้งเรื่องวัฒนธรรมต่างประเทศ, ดนตรี, ศิลปะ รวมถึงแฟชั่น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวละครจาก ‘โจโจ้’ จะเคยขึ้นปกนิตยสารแฟชั่น, อารากิเคยร่วมงานกับแบรนด์ Gucci หรือภาพจาก ‘โจโจ้’ ก็เคยไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ด้วย

เนื้อเรื่องเป็นสิ่งที่โดดเด่นของ ‘โจโจ้’ เช่นกัน ปัจจุบันเรื่องราวดำเนินมาถึงภาคแปดแล้ว หากให้สรุปอย่างสั้นๆ การ์ตูนเรื่องนี้ว่าด้วยชะตากรรมของตระกูลโจสตาร์ผู้มีปานรูปดาวที่หลังคอ เรื่องราวกินเวลายาวนานเป็นหลักร้อยปี (เป็นที่มาของชื่อ ‘ล่าข้ามศตวรรษ’) บางทีอ่านไปแล้วก็มีอาการงงเหมือนกันว่าคนนี้เป็นพ่อใคร คนนั้นเป็นลูกใคร ถึงขั้นต้องเปิดกูเกิ้ลหา Family Tree ด้วยตัวเรื่องที่ซับซ้อนเลยทำให้คนที่จะอินกับ ‘โจโจ้’ ต้องเป็นแฟนพันธุ์แท้พอสมควร

สำหรับปี 2561 ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นของแฟนๆ ‘โจโจ้’ เนื่องจากมีการจัดนิทรรศการฉลองครบรอบ 30 ปีที่ชื่อว่า HIROHIKO ARAKI JOJO EXHIBITION: RIPPLES OF ADVENTURE ณ ประเทศญี่ปุ่น แฟนคลับจากทั่วโลกก็ลงทุนของตั๋วเครื่องบินเพื่อไปร่วมนิทรรศการนี้ แต่ก็ตามสไตล์ญี่ปุ่นที่ข้อมูลในเว็บไซต์มีภาษาอังกฤษเพียบพร้อม แต่พอถึงหน้าเว็บไซต์ขายตั๋วกลับเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนซะงั้น! อย่างตัวผู้เขียนเองก็ต้องไหว้วานคนรู้จักที่อยู่ญี่ปุ่นช่วยซื้อตั๋วให้

ผู้เขียนมีโอกาสไปนิทรรศการ ‘โจโจ้’ ที่โตเกียวเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ก่อนจะไปยัง National Art Center อันเป็นสถานที่จัดงานก็ได้ลองแวะเวียนไปยังจุดต่างๆ ในย่านรปปงหงิที่มีอีเวนต์พิเศษร่วมกับงาน ‘โจโจ้’ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อน

JOJO EXHIBITION01JOJO EXHIBITION02JOJO EXHIBITION04

จุดแรกคือโชว์รูมรถเบนซ์สาขารปปงหงิ ซึ่งงงมากว่าเกี่ยวกับอะไรกับ ‘โจโจ้’ ด้วย แต่ที่นี่นอกจากจะแปะรูปตัวละครไว้ทั่วตึกแล้ว คาเฟ่ที่อยู่ด้านหน้ายังขายเมนูเฉพาะกิจที่มาจากการ์ตูน (แน่นอนว่าคนต่อแถวซื้อกันยาวเหยียดจนต้องขอยอมแพ้) แต่ที่พิเศษสุดคือรถเบนซ์รุ่น ‘โจโจ้’ ที่ราคาก็แค่ห้าล้านเยนเท่านั้นเอง ...ได้แต่ถ่ายรูปแล้วเดินจากมาเงียบๆ

JOJO EXHIBITION05

จุดที่สองคือร้านมินิมาร์ท LAWSON สาขารปปงหงิที่เขาเปลี่ยนชื่อร้านเป็น OWSON ชั่วคราว ใครที่เป็นแฟน ‘โจโจ้’ เห็นแล้วต้องร้องอ๋อทันที เพราะมันคือสถานที่สำคัญในมังงะภาคสี่นั่นเอง

JOJO EXHIBITION06


JOJO EXHIBITION07

โอเค ได้เวลาไปเจอกับตัวงานของจริงที่ National Art Center แล้ว นิทรรศการครั้งนี้เขาจะแบ่งให้เข้าเป็นรอบๆ และก็ตามคาดว่าบัตรขายหมดเกลี้ยงไปทุกรอบแล้ว ผู้เขียนเห็นชาวต่างชาติที่หวังมาซื้อบัตรหน้างานยืนคอตกกันอยู่หลายคน (โธ่...)

สารภาพตามตรงเลยว่าตอนที่เข้าไปในงานแรกๆ รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากคนที่มาดูงานมีจำนวนเยอะมากกกก แถมอากาศช่วงนั้นก็ค่อนข้างร้อน (ที่ญี่ปุ่นแม้จะเป็นภายในอาคาร เขาก็จะไม่เปิดแอร์เย็นขั้วโลกแบบบ้านเรานะ เพื่อไม่ให้อุณภูมิภายนอก/ภายในต่างกันเกินไป เพราะมันจะทำให้ไม่สบายได้ง่าย) สิ่งที่แสดงในงานก็เป็นภาพต้นฉบับของจริงที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ผลคือมองอะไรไม่เห็นเลยจ้า แล้วนี่ฉันจะอุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำไมกัน (กรีดร้อง)

แต่หลังจากเดินในงานไปสักพัก ผู้คนเริ่มกระจายตัว พอจะมองเห็นงานต่างๆ ได้บ้าง ผู้เขียนก็สงบใจลง ได้เห็นถึงความเป็นจริงว่างานนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก โดยหลักก็คือโชว์ภาพจากการ์ตูนเรื่อง ‘โจโจ้’ นั่นแหละ แม้จะมีผลงานพิเศษเป็นพวกประติมากรรมหรือวิชวลกราฟิกจากศิลปินรับเชิญ แต่ก็ไม่ได้นำพาอะไร เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่แฟนของ ‘โจโจ้’ มาดูงานนี้ก็คงรู้สึกเฉยๆ

JOJO EXHIBITION08JOJO EXHIBITION09

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของงานนี้ (และเป็นบริเวณเดียวที่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้) ก็คือบรรดารูปตัวละครที่มีขนาดใหญ่ขนาดเท่าฝาบ้าน อย่างที่ทราบกันดีว่า อ.อารากิ โดดเด่นมากเรื่องการใช้สีสันจัดจ้าน


มาดูของจริงแล้วเราก็อดทึ่งไม่ได้ว่าในหัวสมองของอาจารย์แกคิดอะไรอยู่ถึงสามารถเอาเฉดสีต่างๆ ที่มันไม่น่าเข้ากันมาอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน


การได้เห็นของจริงขนาดบิ๊กเบิ้มตรงหน้าแบบจะๆ ทำให้เกิดอาการฟินปลื้มปริ่มจนแทบอยากจะลงไปกราบรูปทันที (นี่ถ้าไม่อายผู้คนคงทำไปแล้ว)

การมาดูงานนี้ว่าทำให้ผู้เขียนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เอาเข้าจริงตัวเองก็ไม่ค่อยอิน ‘โจโจ้’ ภาคหลังๆ สักเท่าไร แต่ที่ยังปวารณาตัวเองเป็นแฟนของมังงะเรื่องนี้อยู่ก็คงเพราะหลงใหลใน ‘สไตล์’ ที่ไม่เหมือนใครของมัน อ.อารากิขยายขอบเขตผลงานของตัวเองไปไกลจากความเป็นตัวการ์ตูน ‘โจโจ้’ จึงกลายเป็นทั้งแฟชั่นและผลงานศิลปะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าการ์ตูนนี้จะมีสถานะอยู่เหนือกาลเวลาได้ในที่สุด   

JOJO EXHIBITION11

**นิทรรศการ HIROHIKO ARAKI JOJO EXHIBITION: RIPPLES OF ADVENTURE จัดแสดงที่ The National Art Center (โตเกียว) จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2018 จากนั้นจะจัดต่อที่ Osaka Culturarium at Tempozan (โอซาก้า) ช่วง 25 พฤศจิกายน 2018 – 14 มกราคม 2019 ดูรายละเอียดที่ http://jojoex-2018.com/en/

JOJO EXHIBITION10