พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ อาทิ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย เดินทางจากท่าอากาศยานนานาทหาร กองบิน 6 มายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์เรือล่ม ที่ศูนย์บัญชาการ เหตุการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมเข้าประชุมและรับฟังบรรยายสรุป โดยเข้าประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือและดูแลกรณีเหตุเรือล่ม
โดยกล่าวว่าการประชุมการบูรณาการเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ทั้งหมดในระดับพื้นที่ ส่วนรัฐบาลในฐานะหัวหน้าใหญ่ ก็จะดูแลภาพรวมทั้งหมด แต่ต้องสั่งการตามลำดับขั้นตอนลงมา วันนี้ทุกคนทราบดีว่ามีการสูญเสียหลายด้าน ทั้งอดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หน่วยซีล รุ่นที่ 30 ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่มีความพร้อม หรือ ไม่แข็งแรง แต่ด้วยความรักความผูกพันต่อหน้าที่ ได้เสียสละพลัง ว่ายน้ำดำน้ำวันละ 7 ชั่วโมง ร่างกายอาจจะทนไม่ได้ แต่ไม่รู้ตัว เพราะว่าใจยังไหวอยู่
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องดูแลอย่างเต็มที่ โดยในหลวงทรงพระราชทานความช่วยเหลือ และ รับสั่งให้ตอบแทนครอบครัวของอดีตซีล แม้จะไม่ได้รับราชการแล้ว ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ส่วนทีมหมูป่า หลังจากที่ออกมาได้แล้ว 4 คน ที่เหลือ ก็จะต้องทยอยออกมาให้ได้ครบ แต่ไม่สามารถระบุวัน หรือ สัญญาได้จะเป็นเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะทำด้วยความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ทั้ง ทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ หรือ จะเจาะรู เพราะทุกทางเป็นทางเลือก ทางอันไหนทำได้ ก็จะทำตรงนั้นก่อน แต่ต้องให้เกิดความปลอดภัยให้มากที่สุด และจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก บก. ศูนย์อำนวยการซึ่งประกอบด้วยคนไทยและคนต่างประเทศผู้ชำนาญการทั้งหมด แม้แต่ตนเอง ก็ไม่สามารถที่จะสั่งการได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้ชำนาญการทางเทคนิค จึงขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วยและขออย่าให้สื่อมาสอบถามในเรื่องดังกล่าวอีกว่าจะมีใครออกมาอีกหรือจะออกมาเมื่อไหร่บ้าง ขอให้รอจนกว่าเด็กจะปลอดภัย
ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ทับ 2561ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ถึงการกู้ภัยเหตุเรือท่องเที่ยวชาวจีนล่ม ที่ จ.ภูเก็ต ที่พบแล้วเพียง 41 ศพ และต้องเร่งค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออีก 15 คน โดยระบุว่าทางการไทยจะต้องเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง เพราะไม่เชื่อคำเตือนของกรมอุตุฯไทย ซึ่งเป็นความผิดของผู้ประกอบกิจการและนักท่องเที่ยวชาวจีนเอง จึงไม่กังวลเรื่องการเสียความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในไทย