นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า การเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่รัฐบาลวางโรดแมปไว้ เพราะหากพิจารณาจากการออกกฎหมายลูกที่เหลืออยู่อีก 2 ฉบับ จะพบว่ากฎหมายลูกส.ส. และ ส.ว. สามารถพิจารณาเสร็จสิ้นได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ขึ้นอยู่กับว่า จะมีการยื่นตีความอีกหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้งเมื่อใด หากประกาศหลังจากกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับมีผลบังคับใช้ไปแล้ว 2 เดือน ก็จะเหลือเวลาในการจัดการเลือกตั้ง 90 วัน ซึ่งเพียงพอต่อ กกต. ในการดำเนินการ แต่อาจกระทบกับพรรคการเมืองใหม่และเก่า อยู่บ้าง เพราะต้องเตรียมความพร้อมของตนเองตลอด เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ยืนยัน กกต. เคยมีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน มาแล้ว จึงมั่นใจว่าสามารถทำได้ พร้อมทิ้งท้ายประโยคว่า "กกต. เป็นเทพเพราะฉะนั้นต้องเนรมิตได้"

ส่วนกรณีการสรรหา กกต.นั้น นายสมชัย เห็นว่า ยังมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายอยู่ เพราะรายงานการลงมติของคณะกรรมการสรรหา ที่ส่งให้ สนช.พิจารณานั้น ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการลงมติโดยเปิดเผย ขณะที่รายละเอียดจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ก็ไม่มีรายละเอียดเรื่องการลงมติด้วย จึงอาจเป็นปัญหาต่อการพิจารณาว่าที่ กกต.ได้ ซึ่งที่ประชุมสนช.ควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ก่อนที่จะเป็นปัญหาต่อการสรรหา 

ทั้งนี้ในวันที่ 22 ธันวาคม นี้ สนช.จะขอมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต.ทั้ง 7 คน นั้น ทางกกต. ได้รับจดหมายผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ซึ่งเลขาฯกกต. หรือ นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการ อาจเป็นผู้ไปร่วม หายส่วนตอนอยากไปร่วม แต่ไม่ได้ถูกเชิญ