ไม่พบผลการค้นหา
รฟม. เตรียมเปิดอุโมงค์ลอดแยกรัชโยธิน 5 พ.ย. นี้ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร พร้อมขยายขนาดเรือในคลองแสนแสบให้รองรับผู้โดยสารต่อเที่ยวให้เพิ่มขึ้น

การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เตรียมเปิดใช้งาน 'อุโมงค์ลอดทางแยกรัชโยธิน' ในวันจันทร์ที่ 5 พ.ย. นี้ หลังจากรื้อสะพานออกเพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา โดยปรับรูปแบบสร้างเป็นอุโมงค์ลอดแยกในแนวถนนรัชดาภิเษกทดแทน

ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าไป 99% แล้ว คงเหลือแค่งานตกแต่งรายละเอียด และขนย้ายเครื่องจักร-อุปกรณ์ออกเท่านั้น โดยใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 21 เดือน เร็วกว่าแผนงานเดิมที่วางไว้ 3 เดือน (เดิมกำหนดแล้วเสร็จในเดือน ก.พ. 2562) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรที่คับคั่งในแนวถนนพหลโยธิน รวมถึงถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นถนนวงแหวนรอบใน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดอุโมงค์ฯ เวลา 08.30 น. และเปิดให้ผู้ขับขี่ใช้งานจริงเวลา 10.00น. เป็นต้นไป

พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ดูแลงานจราจร กล่าวว่า ในช่วงแรกของการเปิดใช้งาน รถที่มาจากแนวถนนรัชดาภิเษกทั้งขาเข้าและออก สามารถใช้อุโมงค์ทางลอดแยกได้เลย รวมทั้งจะอนุโลมให้รถจักรยานยนต์ และรถเมล์ลงอุโมงค์ได้ เพราะขณะนี้ บช.น. ยังอยู่ระหว่างการออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร แต่จะต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง 

ส่วนการจัดการจราจรด้านบน บริเวณแยกรัชโยธิน จะมีสัญญาไฟจราจร 4 เฟส โดยรถที่ใช้ถนนพหลโยธินขาเข้าและขาออก สามารถรอสัญญาณไฟจราจร เพื่อที่จะเลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดาภิเษกได้ตามปกติ ส่วนรถที่มาจากถนนรัชดาภิเษกทั้งขาเข้าและออก สามารถรอสัญญาณไฟจราจร เพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธินได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่า เมื่อมีการเปิดใช้อุโมงค์แยกรัชโยธินไปแล้ว จะมีปริมาณการจราจรเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเช้าจะมีรถที่จะมุ่งหน้าไปสุทธิสาร, ห้วยขวาง และพระราม 9 ซึ่งเคยเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นช่วงการก่อสร้าง กลับมาใช้เส้นทางนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนช่วงเย็น ก็จะ��ีรถขาออกที่จะมุ่งหน้าไปแยกประชานุกุล และสะพานพระราม 7 มากยิ่งขึ้น จึงต้องเตรียมมาตรการรองรับรถทั้งด้านขาเข้าและขาออก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านการจราจร และจะปรับระบบการจราจรให้เหมาะสมต่อไป

สำหรับ 'อุโมงค์ลอดแยกรัชโยธิน' เป็นอุโมงค์ทางลอดขนาด 4 ช่องจราจรไปกลับ ในแนวถนนรัชดาภิเษก มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร กว้างประมาณ 17 เมตร และมีความสูงของช่องทางลอด 5.25 เมตร แต่จำกัดความสูงของรถไว้ไม่เกิน 5 เมตร

จักรยานยนต์รับจ้างรายหนึ่ง ที่รับ-ส่งประชาชนย่านนี้ เชื่อว่า แม้จะเปิดใช้อุโมงค์ลอดทางแยกรัชโยธินแล้ว การจราจรก็ยังคงติดขัด แต่จะลดความหนาแน่นลง เพราะไฟจราจรเปิดให้เลี้ยวขวาได้ และรถที่ต้องการข้ามแยก ก็สามารถลงอุโมงค์ไปได้เลย แต่ ถ.ลาดพร้าว และ ถ.รามคำแหง กำลังก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าฯ จึงน่าจะทำให้เกิดรถติดสะสมต่อเนื่อง ทั้งนี้ เห็นด้วยกับการอนุญาตให้รถจักรยานยนต์ใช้อุโมงค์ฯ ได้ แต่อยากให้ใช้ตลอดไป 

ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจราจรบน ถ.รามคำแหง ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 9/2561 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้หารือถึงการพัฒนาคลองและการโดยสารทางเรือในคลองแสนแสบ ที่มีผู้ใช้บริการกว่าวันละ 60,000 คนต่อวัน รัฐบาลจะเข้าไปพัฒนาการใช้บริการของประชาชน โดยระยะเร่งด่วนจะลดระดับเสียงของเรือ โดยติดตั้งเครื่องกรองเสียงเรือ ที่ขณะนี้ให้บริการทั้งหมด 55 ลำแล้ว สามารถลดระดับเสียงลงได้ 15 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้ง จะควบคุมความเร็วของเรือไม่ให้เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะมีการตรวจสอบการปรับมาตรฐานดังกล่าวอยู่ตลอด ส่วนในระยะยาว จะจัดหาเรือโดยสารต้นแบบ เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ จากเดิมเรือโดยสารระหว่าง 'ท่าเรือประตูน้ำ' ถึง 'ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ' ที่จุคนได้ 60 คน จะขยายเป็น 100 คน ขณะที่เรือจาก 'ท่าเรือประตูน้ำ' ไปถึง 'วัดศรีบุญเรือง' จะขยายให้ได้ 120 คน และจะขยายเส้นทางเดินเรือคลองแสนแสบ ต่อไปถึง 'ท่าเรือตลาดมีนบุรี' ระยะทาง 11 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อเรือ 12 ลำ เพื่อให้บริการ โดยเป็น 'เรือระบบไฟฟ้า' สาารถเปิดให้บริการได้กลางปี 2562 ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณดังกล่าว ที่มีก่อการสร้างรถไฟฟ้าอยู่ 

พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังได้เข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำที่มีการร้องเรียนเข้ามา โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการระบายน้ำลงคลองแสนแสบ เพื่อตรวจสอบโรงแรม อาคารชุด โรงพยาบาล ร้านอาหารที่กระทำผิดปล่อยน้ำลงคลองแสนแสบ จำนวน 631 แห่ง หลังจากตรวจสอบมีการปรับปรุงจนได้มาตรฐานแล้ว 379 แห่ง เหลืออีก 200 กว่าแห่งอยู่ระหว่างการปรับปรุง และหากสถานประกอบการใดยังปล่อยน้ำเสีย ก็จะถูกปรับอัตรา 2,000 บาทต่อวัน จนกว่าจะแก้ไขเสร็จสิ้น