ตำรวจอินโดนีเซียเปิดเผยว่า สมาชิก 6 คนในครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกชายสองคน อายุ 18 และ 16 ปี กับลูกสาวอีกสองคนอายุ 12 และ 9 ปี เป็นผู้ลงมือก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์ชาวคริสต์ 3 แห่ง ในเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่บนเกาะชวาตะวันออก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 รายและบาดเจ็บอีก 40 คน โดยครอบครัวนี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายเจมาห์ อันชารุต เดาลาห์ (JAD) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มไอเอส และยังเคยเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรียด้วย ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายไอเอสก็ได้แสดงตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุครั้งนี้แล้ว
การโจมตีโบสถ์ทั้ง 3 แห่งเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยผู้เป็นพ่อขับรถยนต์ที่มีระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายในรถ พุ่งชนประตูรั้วโบสถ์แห่งแรกจนระเบิด ขณะที่ผู้เป็นแม่และลูกสาวทั้งสองคน สวมสายระเบิดไว้รอบเอว และจุดชนวนที่ประตูหน้าโบสถ์อีกแห่งหนึ่ง และลูกชายอีกสองคนขี่จักรยานยนต์และอุ้มระเบิดไว้ที่ตักเข้าโจมตีโบสถ์แห่งที่สาม นับว่าเป็นเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในอินโดนีเซียในรอบหลายสิบปี และเป็นการก่อเหตุครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไอเอสแสดงตัวว่าอยู่เบื้องหลัง
เจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียยังสันนิษฐานว่าการโจมตีครั้งนี้อาจเป็นการแก้แค้นเหตุการณ์เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่นักโทษที่เป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายเดียวกับครอบครัวนี้ปะทะกับตำรวจนานถึง 36 ชั่วโมง ที่เรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงบริเวณชานกรุงจาการ์ตา ซึ่งทำให้นักโทษเสียชีวิต 4 รายและตำรวจเสียชีวิต 5 ราย
ทางการอินโดนีเซียตรวจพบว่ามีชาวอินโดนีเซียกว่า 500 คน ที่เคยเดินทางไปที่ซีเรียและขณะนี้ได้เดินทางกลับมายังอินโดนีเซียแล้ว ซึ่งนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียสั่งการให้ตำรวจรีบตรวจสอบผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และทำลายเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซีย
ภาพ: AP