พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวว่า ต้องแบ่งเป็นสองส่วน คือ การท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ที่จะเปิดพื้นที่ให้ท่องเที่ยว
ซึ่งตนเองได้ให้แนวทางของการกำหนด Travel Bubble หรือ "ระเบียงท่องเที่ยว" เพื่อกำหนดกรอบพื้นที่การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในประเทศที่ต้องดูทั้งที่เป็นเมืองหลัก เมืองรอง ความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ที่ต่างก็มีมาตรการให้เกิดความปลอดภัย และมีความชัดเจนว่าจะสามารถท่องเที่ยวพื้นที่ใดและต่อเนื่องไปยังพื้นใดอีกได้บ้าง เช่นเดียวกับการให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาได้ โดยจัดรูปแบบการท่องเที่ยวภายใต้การควบคุมมาตรฐานสาธารณสุขอย่างรอบคอบ การกำหนดพื้นที่ปลอดภัย การกำหนดจำนวนคน กำหนดเที่ยวบิน และการใช้รูปแบบ Alternative State Quarantine (ASQ) หรือ โครงการพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐทางเลือก 14 วัน รวมถึงการทำความร่วมมือระหว่างเมืองต่อเมือง
โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าทุกคนที่จะต้องเที่ยวต้องดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องของการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย เพราะทุกคนต้องช่วยและร่วมมือกัน เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องหยุดเรื่องนี้ไว้อีก
ส่วนเรื่องของการออกแพ็กเกจท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ระหว่างการหารือของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยตนเองได้ให้แนวทางไปแล้ว ขอรอติดตามความชัดเจนการประชุมในวันพรุ่งนี้
ติงโจ๋แว้นเลิกเคอร์ฟิววันแรก ขู่หากไม่ร่วมมือก็ประกาศใช้ใหม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การยกเลิกเคอร์ฟิว หลังมีกลุ่มเด็กแว้นออกมาสร้างความวุ่นวายจำนวนมาก ว่า กลุ่มเหล่านี้ เป็นพวกที่ไม่ให้ความร่วมมือดังนั้นผู้ปกครองและสังคมต้องช่วย เพราะหากทุกคนไม่ให้ความร่วมมือการประกาศใช้เคอร์ฟิวก็ต้องกลับมาอีก
ดังนั้น หากมีพบว่ามีกลุ่มเด็กแว้นออกมากระทำความผิดอีกก็มีการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล้ว ซึ่งสามารถดำเนินการได้ และจับติดคุกได้ทันที
ส่วนภาคธุรกิจและกิจการต่างๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม หลังมีการผ่อนผันให้เช่นเดียวกัน ตนเองไม่อยากให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจและสุขภาพล้วนสำคัญทั้งสิ้น โดยหลังจากนี้ต้องดูว่าสถิติผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหรือไม่