ภายหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกส่วนของพืชกัญชา-กัญชงประกอบด้วย เปลือก ลำต้นเส้นใย กิ่งก้าน รากและใบ ไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วยให้พ้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่ยังไม่มีการแก้ไขประกาศที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในอาหารเพราะมีเสียงแย้งจากนักวิชาการเรื่องข้อมูลความปลอดภัยในการบริโภคเป็นอาหารยังมีไม่มากพอนั้น
มลฤดี โพธิ์อิน นักวิชาการด้านอาหาร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการด้านอาหาร ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ได้มีการประชุมในประเด็นนี้ และมีความเห็นว่า อย.และคณะกรรมการอาหารต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยในการใช้เปลือก ลำต้น กิ่งก้าน และราก และการใช้ส่วนต่างๆเหล่านี้เป็นอาหารทั้งในและต่างประเทศ มีเพียงข้อมูลการใช้ใบในการประกอบอาหารหรือใช้ในลักษณะเครื่องเทศเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงมีความเสี่ยงในการควบคุมปริมาณที่ใช้ จนผู้บริโภคที่มีอาการแพ้หรือกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางอาจได้รับสารต่างๆในกัญชาในปริมาณที่เป็นอันตรายอย่างไม่รู้ตัว
“สาร THC และ CBD ที่อยู่ในใบละลายได้ดีในอาหารที่มีไขมันเป็นองค์ประกอบและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านระบบทางเดินอาหารได้ดี จึงมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคค่อนข้างสูง อาจเกิดผลข้างเคียงจากการบริโภค โดยเฉพาะ หญิงมีครรค์ หญิงให้นมบุตร ทารก เด็กเล็ก อาจได้รับสารนี้จากการบริโภคทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ"
มลฤดี ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในออสเตรเลียเมื่อเร็วๆนี้ คุณแม่ลูกสองซื้อบราวนี่กลับไปทานที่บ้าน ลูกสาวสาววัย 5 ขวบที่รับประทานเข้าไปเกิดอาการพร่ามัว หวาดระแวง และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่คุณแม่มีอาการผ่อนคลายแบบแปลกๆ ก่อนจะเกิดอาการมึนๆแล้วหลับไป โดยที่ทางร้านใช้เนยกัญชาในการทำขนมที่อ้างว่าไว้รับประทานเอง แต่อาจปะปนไปกับสิ่งที่ขายโดยไม่ตั้งใจ
ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย.เอง กล่าวว่า ใบกัญชามีสารอื่นๆเช่น สารเทอร์พีน (Terpene) ที่มีผลต่อความไวในการตอบสนองของคนต่างกัน ควรใส่ในปริมาณไม่มาก และต้องหลีกเลี่ยงสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น คนที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคหัวใจ
นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ตั้งคำถามว่า ในกรณีของร้านอาหารและเครื่องดื่ม การให้ข้อมูลผู้บริโภคจะเป็นในรูปแบบใด มีความชัดเจนเพียงพอให้ผู้บริโภคได้รับทราบถึงผลข้างเคียงและความเสี่ยงหรือไม่ คำเตือนผู้บริโภคจะแสดงตรงไหนอย่างไรให้เห็นชัดเจน การกำหนดอายุผู้บริโภค ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ จะควบคุมอย่างไร เรื่องเหล่านี้ต้องกำกับดูแลและมีบทลงโทษร้านค้าที่ไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งคณะกรรมการอาหาร และ อย.ต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่เพียงสนองตอบนโยบาย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและละทิ้งหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะเป็นสิทธิผู้บริโภคขั้นพื้นฐานที่จะต้องได้รับความปลอดภัย มีข้อมูลที่เพียงพอ เพื่อใช้ในการตัดสินใจบริโภคหรือไม่บริโภค ไม่ได้มีความจำเป็นต้องบริโภคทุกวัน
ทั้งนี้ ขณะที่ ยังไม่มีการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 378 พ.ศ.2559 เรื่องการกำหนดพืชสัตว์หรือส่วนของพืชหรือสัตว์ที่ห้ามใช้ในอาหาร ที่กำหนดให้ทั้งต้นของกัญชาหรือกัญชงห้ามใช้ในอาหาร อย.ยังต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้น อย.จะเข้าข่ายผิด ม.157 ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน ภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร ผู้อำนวยการวิทยาลัยคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย เห็นว่า คณะกรรมการอาหารและ อย. ที่กำลังจะพิจารณาเรื่องปลดล็อกกัญชาในอาหารต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงหลักพิจารณาดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :