ไม่พบผลการค้นหา
เรืองไกร จ่อร้อง DSI คดีฟอกเงินกรุงไทยฯ สงสัยเช็คอีก 2 ใบ ที่สั่งจ่าย ชี้เห็นเส้นทางการเงินชัดเจน แต่เหตุใดไม่ดำเนินคดี

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ได้ติดตามข่าวกรณี DSI แถลงเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 61 ว่า มีการดำเนินคดีกับกรณีเช็ค 26 ล้านบาท ทำให้รู้สึกว่า DSI ยังไม่ได้ดำเนินการสั่งฟ้องอย่างครบถ้วน โดยในข่าวดังกล่าว มีข้อสังเกต คือ การแยกเป็นคดีพิเศษที่ 36/2550 กับคดีพิเศษที่ 25/2560 และอ้างว่าแยกไปเป็นสำนวนสืบสวนที่ 253/2560 ด้วยนั้น

นายเรืองไกร กล่าวว่า เท่าที่ทราบ การแยกเป็นสำนวนสืบสวนที่ 253/2560 นั้น แปลว่า ยังไม่ดำเนินการเป็นเรื่องคดีพิเศษแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้รู้สึกคาใจมาก โดยเฉพาะกับเช็คอีก 2 ใบ ซึ่งเป็นเส้นทางการเงินเกิดขึ้นก่อนเช็ค 26 ล้านบาท โดยเช็คทั้ง 3 ใบ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน กล่าวคือ เป็นเงินที่ บ. RK รับเงินกู้มาจาก ธ.กรุงไทย 500 ล้านบาท แล้ว บ. RK สั่งจ่ายเงินต่อไปในนายวิชัยฯ 300 ล้านบาท หลังจากนั้น นายวิชัยฯ สั่งจ่ายเช็คอีกหลายใบจากบัญชีเดียวกันให้บุคคลต่าง ๆ ซึ่งตนจะชี้ให้ DSI เห็นความสัมพันธ์เฉพาะ 3 ใบ คือ


  • ใบที่ 1 เลขที่ 2722098 ลงวันที่ 20 ก.ย. 2546 จำนวน 250,000 บาท จ่ายพลเอกคนหนึ่ง ขีดผู้ถือ
  • ใบที่ 2 เลขที่ 2724851 ลงวันที่ 26 ธ.ค. 2546 จำนวน 100,000 บาท จ่ายสด 
  • ใบที่ 3 เลขที่ 2724852 ลงวันที่ 30 ธ.ค. 2546 จำนวน 26,000,000 บาท จ่ายเพื่อซื้อแคเชียร์เช็ค  

แต่ตามข่าวที่ DSI แถลง ทำให้ตนเข้าใจว่า น่าจะเป็นการดำเนินคดีตามคดีพิเศษที่ 36/2550 เฉพาะที่เกี่ยวกับเช็คจำนวน 26,000,000 บาท โดยยังไม่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินกับเช็คอีก 2 ใบ ทั้งที่เส้นทางการเงินมีพยานหลักฐานอยู่ในเอกสารคดีพิเศษที่ 36/2550 อย่างชัดเจนแล้ว (เป็นผังเส้นทางการเงินที่ DSI มีอยู่แล้ว) ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ DSI ควรตอบสังคมให้ได้ว่า เพราะอะไร

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า เรื่องเช็ค 2 ใบนี้ ตนเคยร้องให้ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ. 59 แล้วแต่เงียบหายไปโดยไม่มีการเรียกไปซักกถามหรือมีการชี้แจงใด ๆ และเมื่อมาเห็นข่าว DSI แถลงออกมาเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 61 จึงเห็นข้อสังเกตและคิดว่า เช็คอีก 2 ใบนี้ อาจอยู่ในเรื่องที่แยกไปเป็นสำนวนสืบสวนที่ 253/2560 ซึ่งคงแปลว่า ยังไม่ได้ตั้งเป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด หากเป็นเช่นนั้น ก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนซึ่งอาจจะเลยวันที่ 20 ก.ย. 61 จนเป็นให้เช็คใบที่ 1 ขาดอายุความตามมาได้

นายเรืองไกร ระบุด้วยว่า ตนมีพยานเอกสารคดีกรุงไทย (อม.55/2558) มาตั้งแต่ปลายปี 2558 แล้ว จึงได้มีหนังสือร้องไปเมื่อ ก.พ. 59 ดังกล่าว แต่เมื่อมาเห็น DSI แถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 61 ตนก็รู้สึกว่า มีบางอย่างไม่ปกติ จึงจำเป็นต้องนำสำเนาเช็คทั้ง 2 ใบไปชี้ให้ DSI เห็นเส้นทางการเงินของเช็คทั้ง 2 ใบ คือ ใบที่ 1 สั่งจ่ายพลเอกคนหนึ่ง โดยขีดผู้ถือ แต่แล้วพลเอกคนหนึ่ง มีการเขียนหลังเช็คด้วยลายมือพร้อมลงชื่อกำกับให้นำไปเข้าบัญชีอื่นอีกทอดหนึ่งได้อย่างไร 

ใบที่ 2 สั่งจ่าย “สด” แต่พลเรือโทคนหนึ่ง มีการนำฝากเข้าบัญชีประจำ 12 เดือนได้อย่างไร อย่างนี้ไม่ใช่ธุรกรรมการเงินหรือ แล้วเหตุใด DSI จึงไม่เห็นเส้นทางการเงินของเช็ค 2 ใบนี้ ทั้งที่เห็นได้โดยง่าย และทำไม DSI ไม่ดำเนินการเรื่องนี้ไปพร้อมกับใบที่ 3 ทั้งที่มาจากบัญชี Bank Statement ของนายวิชัยฯ หน้าเดียวกัน เลขที่เช็คยังต่อเนื่องหรือติดกันด้วย

ทั้งนี้นายเรืองไกร จะไปยื่นหนังสือร้องที่ DSI ด้วยตนเองในวันที่ 2 ส.ค. ศกนี้ เวลา 9.30 น. เพื่อถามเรื่องดังกล่าว

อ่านเพิ่มเติม