พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่ที่ช่วยให้สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย พร้อมพูดติดตลกว่า อากาศที่นี่ดี เมื่อวานอากาศที่กรุงเทพฯ เป็นพิษเพราะมีการชุมนุม แต่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจากประชาชนที่ร่วมมือกัน เคารพกฎหมาย เพราะการชุมนุมต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ชุมนุมทางการเมือง อยู่ในขอบเขต มีสถานที่ที่ชัดเจนไม่ออกมาเดินเช่นนี้
ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบ ขออย่าเอาแบบอย่างต่างประเทศ เพราะต่างประเทศในอดีตก็เกิดความรุนแรงมาก่อน ซึ่งรัฐบาลไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น พร้อมยืนยัน คสช. ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และจากนี้รัฐบาลต้องทำประเทศให้เกิดความมั่นคง จนไปสู่การเลือกตั้งที่ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังพูดติดตลกว่าปลูกต้นไม้ จะให้ใช้ มาตรา 44 ทั้งหมดเลยหรือ เพื่อไม่ให้ต้นไม้ตาย คงไม่ได้เพราะวันหน้าเราต้องอยู่กับประชาธิปไตย ว่าถึงยังไงต้องมีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ส่วนการชุมนุมก็ทำให้เกิดผลกระทบ อย่างการท่องเที่ยว เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของประเทศมาจากการท่องเที่ยว รวมถึงความเชื่อมั่นการลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวกับชาวบ้านที่มาฟังในระหว่าง เปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี 2561 ณ ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลเขาชะงุ้ม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ว่า "วันนี้เหมือนจะไม่สบาย มึนๆ เพราะอยู่กรุงเทพอากาศเป็นพิษ นั่งเฮลิคอปเตอร์มาถึงราชบุรีอากาศดี และอยากให้ทุกคนปลูกไม้ดอกเยอะ ปลูกข้างทาง ระบุ ปลูกต้นไม้ต้องใจเย็นๆ ผมก็เป็นไปตามโรดแมป"
ขอคนไทยปลูกต้นไม้ทุกวัน บอกราชบุรีอากาศดีกว่า กทม.
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี พ.ศ.2561 พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมเชิญชวนทุกภาคส่วนปลูกต้นไม้พร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 23 พ.ค.-30 ก.ย. เนื่องจากมติ ครม. กำหนดให้วันวิสาขบูชาของไทยถือเป็นวันต้นไม้ประจำปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้ถึงร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ
นายกฯ ได้มอบพันธุ์กล้าไม้ยางนาแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด (จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม เพชรบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) พร้อมทั้งปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดราชบุรี และกล่าวกับประชาชนว่า วันนี้เดินทางมาตอนเช้ารู้สึกมึน เพราะที่นี่อากาศดี ไม่เหมือนกรุงเทพฯที่มีอากาศเสียมาก อยากให้กรุงเทพฯและทั่วประเทศเป็นแบบนี้ เมื่อสักครู่ก็ได้ฟังเพลง ต้นไม้ของพ่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมาหาภูมิพลอดุลยเดชทรงทำมาแล้ว 50 ปี ครองราชย์ทั้งหมด 70 ปี เดี๋ยวจะไปดูต้นประดู่ที่ท่านทรงปลูกไว้ด้วย พร้อมแซวติดตลกด้วยว่า ปลูกไปแล้วก็อย่าให้ตาย โดยเฉพาะที่นี่ห้ามตาย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ขอให้ปลูกต้นไม้ทุกวันไม่ใช่แค่วันนี้ ทุกบ้านควรมีต้นไม้ของตัวเอง อยากกินอะไรก็เพาะไว้ อยากกินทุเรียนก็เก็บเม็ดไว้เพาะ ว่างก็ปลูก จะปลูกให้คนอื่นกินด้วยก็ได้ ไม่ใช่พอมีโครงการปลูกต้นไม้ ก็จัดงบประมาณจัดซื้อต้นไม้แทนที่จะสร้างโรงเพาะชำ ทั้งนี้ ส่วนตัวชอบปลูกต้นไม้ จึงรู้ว่า ต้นไม้จะรอดได้ต้องสูงเกิน 1 เมตร ไม่ใช่ปลูกแค่ไม่ถึงฟุตแล้วถ่ายรูปมาโชว์กัน แล้วต้นไม้ก็ตาย อย่าให้เหนอีกในทุกหน่วยงาน และขอให้มีการติดตามประเมินผล เพราะป่า คือ ชีวิตของคนสัตว์ ต้นไม้ และธรรมชาติต้องมีน้ำจึงมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าป่าหมดน้ำหมด อนาคตจะต้องรบกันเรื่องน้ำไหมก็ไม่รู้
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้แวะทักทายกับ ชิซูกะและโนบิตะ ลูกลิงชิมแปนซี ของกลางที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จากการจับกุมผู้กระทำความผิด และ กำลังประสานส่งกลับไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดยนายกรัฐมนตรี ได้อุ้มชิซูกะ แล้วก็หยอกล้อทักทายอย่างเป็นกันเอง
สำหรับงานวันนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เตรียมต้นกล้า 20,000 ต้น เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาร่วมงานนำกับไปปลูก ส่วนการแจกจ่ายต้นกล้าทั่วประเทศนั้น ได้เตรียมไว้ 54 ล้าน 8 แสนต้น เพื่อให้ประชาชนไปปลูกในบริเวณบ้าน ที่ดินทำกิน ที่สาธารณประโยชน์ และโรงเรียน ตามความเหมาะสม