นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ผู้ที่สนใจลงทุนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และสามารถรับความเสี่ยงในการสูญเงินลงทุนได้ และในกรณีที่มีผู้มาชักชวนให้ลงทุน ผู้ลงทุนควรตรวจสอบว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจตามรายชื่อที่ ก.ล.ต. เปิดเผยไว้หรือไม่
โดยผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวและประสงค์จะประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถยื่นขอใบอนุญาตต่อ ก.ล.ต. ได้ และจะสามารถประกอบธุรกิจได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงดำเนินการตาม พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2561 อนุญาตให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้วก่อนวันที่กฎหมายมีผล และได้ยื่นคำขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. ภายในกำหนด 90 วัน (ภายในวันที่ 14 ส.ค. 2561) สามารถประกอบธุรกิจดังกล่าวต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต
อย่างไรก็ดี จนถึงวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบธุรกิจรายเดิมที่ยื่นขออนุญาตตามบทเฉพาะกาล ซึ่งจะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ จำนวน 7 ราย แบ่งเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) 5 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) เว็บไซต์ : bx.in.th (2) บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) เว็บไซต์ : bitkub.com (3) บริษัท แคชทูคอยน์ จำกัด (Cash2coin) เว็บไซต์ : cash2coins.com (4) บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TDAX) เว็บไซต์ : tdax.com และ (5) บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset) เว็บไซต์ : coinasset.co.th
เป็นผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) 2 ราย ได้แก่ (1) บริษัท คอยส์ ทีเอช จำกัด (Coins TH) เว็บไซต์ : Coins.co.th (2) บริษัท ดิจิทัลคอยน์ จำกัด (ThaiWM) เว็บไซต์ : thaiwm.com
นอกจากนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างสอบทานข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอีก 2 ราย ที่ได้ยื่นคำขออนุญาตตามบทเฉพาะกาล เพื่อยืนยันว่าได้มีการประกอบธุรกิจอยู่ก่อนวันที่ 14 พ.ค. 2561 หรือไม่ และจะเปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/digitalasset ต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอข้างต้นก่อนเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :