ในแต่ละปี มีนักแสดงหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้เป็น ‘Muse of the Japanese Cinema’ หรือ ‘เทพธิดาผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ญี่ปุ่น’ ประจำเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว แต่ในปีนี้ เทศกาลได้คัดเลือก ‘เทพธิดา’ ถึงสี่คนมาร่วมแสดงผลงานเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของเทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชีย
เมื่อสี่ ‘เทพธิดา’ ปรากฏตัวครั้งแรกในการเดินพรมแดงที่รปปงหงิฮิลส์ เพื่อเปิดเทศกาลภาพยนตร์โตเกียวท่ามกลางสายฝน ยากจะปฏิเสธว่า ‘ยู อาโออิ’ ดูโดดเด่นในชุดยูคาตะสีครีมและรอยยิ้มที่สดใส ขณะเดินร่วมกับเพื่อนนักแสดง ‘ซากุระ อันโด’ ‘ฮิคาริ มัตสึชิมะ’ และ ‘อาโออิ มิยาซากิ’
โดยในเทศกาลได้ฉายภาพยนตร์สร้างชื่อของ ‘อาโออิ’ อย่าง ‘Hana and Alice (2004)’ รวมถึงผลงานใหม่อย่าง ‘What a Wonderful Family! 2 (2017)’ ซึ่งแฟนภาพยนตร์ยังได้โอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นหลังฉายภาพยนตร์อีกด้วย
ในฐานะที่เป็นสื่อภาษาไทยเพียงแห่งเดียวที่ได้รับเชิญไปร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวครั้งนี้ วอยซ์ ทีวี จึงไม่ลังเลที่จะติดต่อขอสัมภาษณ์พิเศษยู อาโออิ เพื่อค้นหาหลากแง่มุมของนักแสดงสาวที่มีหลายรางวัลมาการันตีความสามารถ โดยมีเวลาสัมภาษณ์และเก็บภาพอย่างจำกัดเพียง 10 นาที!
ความรู้สึกที่ได้รับเลือกเป็น Muses of the Japanese Cinema ประจำปีนี้
ตอนแรกฉันประหลาดใจมากที่ปีนี้มีนักแสดงหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันได้รับเลือกถึงสี่คน ซึ่งฉันรู้สึกดีใจที่ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนั้น
คุณคิดว่าพลังของการเป็นนักแสดงหญิงอยู่ตรงไหน
ในโลกภาพยนตร์นั้นมีทีมงานที่เป็นผู้ชายเยอะ รวมถึงนักแสดงชายก็มีมากกว่านักแสดงหญิง แต่ยิ่งฉันได้แสดงในฐานะนักแสดงหญิง ฉันรู้สึกว่าฉันมีความเป็นชายมากขึ้น แม้ว่าภายนอกฉันดูเป็นหญิงบอบบาง แต่ภายใน ฉันรู้สึกว่าฉันมีความเป็นผู้ชายอยู่ไม่น้อย ซึ่งมันน่าสนใจเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าตอบคำถามคุณรึเปล่านะคะ
คุณเริ่มแสดงตั้งแต่อายุ 14 ปี และได้ร่วมงานกับผู้กำกับจำนวนมาก อยากให้พูดถึงผู้กำกับที่เคยร่วมงานทั้ง ชุนจิ อิวาอิ (ในเรื่อง ‘All About Lily Chou-Chou’ ‘Hana and Alice’), ลี ซังอิล (‘Hula Girls’) และยามาชิตะ โนบุฮิโระ (‘Over the Fence’)
สำหรับชุนจิ อิวาอิ ฉันยังเด็กอยู่ตอนถ่ายหนังของเขา ตอนที่ต้องถ่ายฉากที่อยู่ไกล ฉันต้องฝังหูฟังเข้าไปในหู ส่วนเขาก็ถือวิทยุรับส่งเพื่อกำกับฉันให้เงยหรือก้มหน้า คอยกำกับท่าทางให้ฉัน
ส่วนลี ซังอิล เขาเป็นคนที่เคี่ยวเข็ญนักแสดงมาก จนฉันแทบจะคิดอะไรไม่ออก และไม่มีช่องว่างเหลือให้แสดงตัวตน โดยหลังจากที่ฉันกำจัดส่วนเกินเหล่านั้นไปได้ เขาก็จะชมว่า โอเค ทำได้ดี
และยามาชิตะ โนบุฮิโระ ก็มีสไตล์ที่แตกต่างออกไป หรืออาจเป็นแค่ฉันที่รู้สึกแบบนั้น ขณะที่ลี ซังอิล พยายามเคี่ยวเข็ญนักแสดงด้วยคำพูด แต่คุณยามาชิตะกลับไม่ค่อยพูด เลยทำให้นักแสดงสงสัยว่าทำอะไรผิดรึเปล่านะ และพอความกังวลนั้นเพิ่มขึ้นขั้นสุด เขาก็จะบอกว่า โอเคแล้ว
ฝากถึงแฟนคลับชาวไทย
สวัสดีค่ะ ฉัน ยู อาโออิ ฉันไปประเทศไทยหลายครั้ง และชอบอาหารไทยมากเลยค่ะ แม้ว่าจะอยู่ญี่ปุ่น แต่ฉันก็ไปกินอาหารไทยที่ร้านอาหารไทยบ่อยๆ ในโอกาสนี้ ฉันหวังว่าจะมีคนสนใจดูภาพยนตร์ญี่ปุ่นกันเยอะ ๆ ซึ่งฉันก็อยากดูภาพยนตร์ไทยให้มากขึ้นเช่นกันค่ะ หวังว่าสักวันเราจะได้เจอกันนะคะ
'เทพธิดาผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ญี่ปุ่น’ (จากซ้ายไปขวา): ซากุระ อันโด, ยู อาโออิ, ฮิคาริ มัตสึชิมะและ ‘อาโออิ มิยาซากิ’
ทีม Hana and Alice (2004) มารวมตัวกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นแอนน์ ซูซูกิ, ยู อาโออิ และผู้กำกับ ชุนจิ อิวาอิ
ยู อาโออิ หลังให้สัมภาษณ์พิเศษกับ วอยซ์ ทีวี
ชมคลิปสัมภาษณ์ได้ที่นี่: