ไม่พบผลการค้นหา
ปัญหาขาดแคลนแรงงานเกิดขึ้นในสหรัฐฯ มาเกือบ 50 ปี แต่อายุขัยประชากรเพิ่มสูงขึ้นเพราะการแพทย์ก้าวหน้า ทำให้ร้านฟาสต์ฟู้ดหันมาจ้างผู้สูงอายุทำงานแทนคนหนุ่มสาว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐฯ หันมาจ้างแรงงานสูงวัย อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป คอยให้บริการในร้านอาหารสาขาต่างๆ เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และมีแนวโน้มว่าชาวอเมริกันอายุตั้งแต่ 65-74 ปีที่เข้าทำงานให้กับธุรกิจฟาสต์ฟู้ดและกิจการอื่นๆ ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.5 ภายในปี 2567

ในทางกลับกัน สำนักงานด้านแรงงานของสหรัฐฯ ประเมินว่า ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ สถิติคนทำงานวัยหนุ่มสาว ตั้งแต่ 16-24 ปีที่ทำงานพาร์ตไทม์กับร้านฟาสต์ฟู้ดทั่วสหรัฐฯ จะลดลงอีกประมาณร้อยละ 1.4 เพราะมีการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการที่บริษัทจัดหางานเริ่มเจาะกลุ่มเป้าหมายตามโบสถ์หรือเว็บไซต์สำหรับผู้เกษียณอายุเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา

เว็บไซต์ AARP ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลการจัดหางานที่เจาะกลุ่มชาวอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไป เปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า ความนิยมในการจ้างงานผู้สูงอายุ เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือปัญหาการขาดแคลนแรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา และอีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากเทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้า ทำให้ประชากรในสหรัฐฯ มีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น 

นอกจากนี้ AARP ระบุด้วยว่าผู้สูงวัยส่วนใหญ่มีทักษะและประสบการณ์การทำงานมากกว่าคนวัยหนุ่มสาว รวมถึงมีวินัยและความอดทนมากกว่า

เจมส์ เกรย์ จากคาลิเบอร์โคชชิง บริษัทให้คำปรึกษาด้านการจ้างงาน ระบุว่า ผู้สูงวัยมีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจฟาสต์ฟู้ดอย่างมาก เพราะคนกลุ่มนี้มีทักษะการเข้าสังคมมากกว่าเด็กยุคใหม่ที่เติบโตมาในโลกยุคออนไลน์ ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่ไม่คิดจะเปลี่ยนงานหรือแสวงหาความก้าวหน้าทางอาชีพอีกแล้ว จึงมีความมั่นคงและมีความสุขกับงานที่ได้ทำ แต่เจ้าของธุรกิจจะได้คนทำงานที่มีประสบการณ์สูง ในขณะที่สามารถจ่ายค่าแรงเฉลี่ยชั่วโมงละ 9-10 ดอลลาร์ ได้เท่ากับการจ้างงานคนที่ไม่มีประสบการณ์

ขณะที่ สตีเวนสัน วิลเลียม วัย 64 ปี ผู้จัดการร้านฟาสต์ฟู้ด 'เชิร์ช'ส ชิกเคนส์' ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนาของสหรัฐฯ ระบุว่า ในฐานะที่เคยทำงานมาตลอดชีวิต หลังจากเกษียณและได้พักผ่อนอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตในแต่ละวันนั้นว่างเกินไป ไม่รู้จะทำอะไร การได้กลับมาทำงานอีกครั้งและได้เจอผู้คนเป็นสิ่งที่น่ายินดีมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุบางรายระบุว่า พวกเขาจะทำงานต่อกะไม่เกินวันละ 5 ชั่วโมง โดยค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง แต่จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างอื่นจากบริษัทที่จ้างงานแทน เช่น ได้รับส่วนลดสินค้าในร้าน 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้สูงอายุบางรายระบุว่า เขาสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทยึดกฎหมายแรงงาน จึงไม่อนุญาตให้เขาทำงานเกิน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ที่มา: Bloomberg

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: