วันที่ 14 มีนาคม 2561 เวลา 12.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดฝุ่นละอองที่เป็นมลพิษ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งแต่วันที่ 11 – 13 มีนาคม 2561 กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ติดตามปริมาณค่าฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรในหลายพื้นที่ โดยพบค่าปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ที่ตรวจวัดได้ระหว่าง 52 - 79 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรตลอด 3 วันที่ผ่านมา จึงได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นบินปฏิบัติการบริเวณจังหวัดนครปฐมและราชบุรี เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2561 เวลา 13.02 น. เพื่อก่อกวนเมฆให้ไหลมาตก
เป็นฝนในพื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณฝั่งธนบุรี โดยใช้เครื่องบิน CARAVAN จำนวน 3 ลำ ปฏิบัติการ 6 เที่ยวบิน (8 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง รวม 4.2 ตัน ภายหลังการปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ดีระดับหนึ่ง ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยได้ประสาน 2 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก ติดตามปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาปัญหามลพิษในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลางอย่างต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ จากการตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันพบค่าปริมาณฝุ่นละออง PM10 มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ พบค่า PM10 อยู่ที่ 127 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 135 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ได้มีเตรียมความพร้อมในการขึ้นบินปฏิบัต��การเพื่อดัดแปรสภาพอากาศ ลดปริมาณฝุ่นละอองทันทีเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำต้นทุนบริเวณพื้นที่ลุ่มรับน้ำ ขณะนี้กรมฝนหลวงฯ ได้ประสานความร่วมมือกับกรมชลประทาน กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ยังอยู่ในระดับน้อย โดยได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี เฝ้าติดตามสถานการณ์และปฏิบัติภารกิจเพื่อเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำและสร้างความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่ใกล้เคียง และในส่วนของหน่วยปฏิบัติการอื่นๆ ยังคงปฏิบัติภารกิจช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย โดยจะไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรของเกษตรกร ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในความพร้อมของกรมฝนหลวงฯ ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำ ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือเว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร