โอลิเวอร์ส ทราเวล เว็บไซต์จองที่พักและการท่องเที่ยวชื่อดัง ได้จัดอันดับประเทศที่เป็นมิตรกับคนกินมังสวิรัติมากที่สุดในโลก ด้วยการเปรียบเทียบจำนวนร้านอาหารมังสวิรัติที่มีในประเทศกับจำนวนประชากร และปริมาณเนื้อที่คนในประเทศบริโภคต่อปี แล้วนำมาเฉลี่ยให้คะแนน ซึ่งผลปรากฎว่า ประเทศที่ได้อันดับ 1 คือสาธารณรัฐเซเชลส์ ที่เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งได้คะแนนรวมไป 328 คะแนน, ส่วนไทยได้อันดับ 2 และมาเลเซียได้อันดับ 3 ส่วนประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ติด 10 อันดับแรกเหมือนกัน คือสิงคโปร์ได้อันดับที่ 6 และกัมพูชาได้อันดับที่ 7 จากทั้งหมด 183 ประเทศที่ทำการสำรวจ
Source: Oliver's Travel
ผลสำรวจพบว่าคนไทยกินเนื้อค่อนข้างน้อย โดยเฉลี่ยแล้ว คนไทยคนหนึ่งกินเนื้อแค่ 25.8 กิโลกรัมต่อปี หากเทียบกับคนอังกฤษที่กินเนื้อกันคนละ 84.2 กิโลกรัมต่อปี ก็ถือว่าคนไทยกินเนื้อสัตว์น้อยมาก และไทยยังมีร้านอาหารมังสวิรัติมากถึง 908 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ไทยได้คะแนนในการจัดอันดับครั้งนี้ 326 คะแนน เป็นรองสาธารณรัฐเซเชลส์ที่ได้อันดับ 1 เพียง 2 คะแนนเท่านั้น
ทั่วโลกรวมทั้งในไทยก็มีคนหันมากินมังสวิรัติกันมากขึ้น ตามเทรนด์ดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่ซึ่งไม่ได้กินมังสวิรัติเพราะความเชื่อทางศาสนา แต่เป็นเพราะไม่ต้องการละเมิดสิทธิสัตว์ รวมทั้งลดความเสี่ยงจากการป่วยด้วยโรคมะเร็งหรือโรคหลอดเลือดหัวใจที่มีสาเหตุจากการกินเนื้อสัตว์มากเกินไป ก็เลยทำให้มีร้านอาหารแนวมังสวิรัติเพิ่มมากขึ้นด้วย อย่างในไทยก็เป็นประเทศที่หาอาหารมังสวิรัติกินไม่ยาก เพราะคนไทยนิยมกินผักและผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว ตามฟู้ดคอร์ทในห้างสรรพสินค้าก็จะมีร้านอาหารมังสวิรัติอยู่อย่างน้อย 1 หรือ 2 ร้านอย่างแน่นอน ส่วนอาหารตามโรงแรมต่างๆ ก็จะมีการจัดอาหารมังสวิรัติไว้บริการแขกที่เข้าพักอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เมนูอาหารมังสวิรัติก็มีการพัฒนาไปมาก ทำให้มีรสชาติเอร็ดอร่อยถูกอกถูกใจชาวมังสวิรัติมากขึ้น แม้แต่คนที่กินเนื้อ ก็ยังหันมากินมังสวิรัติเป็นเวลาสั้นๆ ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะการที่เรากินเนื้อสัตว์น้อยลงจะช่วยลดการเติบโตของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และทำลายสภาพแวดล้อมมากที่สุดในโลกอีกด้วย