สำนักข่าว CNN รายงานว่าบริษัทแมตช์กรุ๊ป (Match Group) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ชื่อดังอย่างทินเดอร์ (Tinder) ยื่นเรื่องฟ้องศาลในมลรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ โดยระบุว่าบริษัทคู่แข่งอย่างบัมเบิล (Bubble) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์คู่แข่ง กระทำการละเมิดสิทธิบัตรของทินเดอร์ และมีพฤติกรรมการขโมยความลับทางธุรกิจไปใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง
เอกสารส่งฟ้องระบุว่าแอปพลิเคชันบัมเบิลมีรูปลักษณ์ภาพนอกเหมือนกับหน้าตาของทินเดอร์จนเกือบจะเป็นแอปฯ เดียวกัน และที่สำคัญยังมีฟังก์ชันการใช้งานด้วยการเลื่อนจอซ้ายขวาแบบเดียวกันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บัมเบิลมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากทุกแอปพลิเคชัน คือ ความเป็นมิตรกับผู้หญิง โดยการอนุญาตให้ผู้หญิงนั้นเป็นผู้ทักทายไปพูดคุยหรือจีบอีกฝ่ายได้ก่อน แต่ฟังก์ชันการเลื่อนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานทินเดอร์ไปทางซ้ายขวาเพื่อเลือกผู้ที่เราถูกใจเป็นฟังก์ชันเอกลักษณ์ของทินเดอร์มาตั้งแต่ต้น และบัมเบิลก็มีเหมือนกัน
วิทนีย์ วูฟ เฮิร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัท Bumble
บริษัทแม่ของทินเดอร์ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในเอกสารส่งฟ้องว่าผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทบัมเบิลนั้นคืออดีตพนักงานของทินเดอร์ ซึ่ง 2 ฟังก์ชันใหม่ที่แอปพลิเคชันบัมเบิลเพิ่งจะเปิดตัวออกมาคือเทคโนโลยีที่อดีตพนักงานคนดังกล่าวได้เรียนรู้ขณะที่ยังทำงานอยู่ในบริษัททินเดอร์ จึงเป็นที่แน่ชัดว่าฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่เป็นความลับขั้นสุดยอดของบริษัททินเดอร์นั้นถูกนำไปถ่ายทอดและพัฒนาต่อจนกลายเป็นฟีเจอร์ใหม่ของแอปพลิเคชันบัมเบิลนั่นเอง
วิทนีย์ วูฟ เฮิร์ด ออกจากบริษัททินเดอร์ในปี 2014 หลังมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเรื่องการถูกกีดกันและถูกคุกคามทางเพศจนเกิดเป็นคดีความขึ้น แต่ก็สามารถตกลงกันได้ในที่สุด จากนั้นเธอได้ก่อตั้งบริษัทบัมเบิลในปีเดียวกัน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน นายคริส กัลซินสกี และนางซารา มิก อดีตพนักงานของบริษัททินเดอร์ก็ตัดสินใจย้ายค่ายมาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทบัมเบิลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งอดีตพนักงานทินเดอร์ทั้ง 2 คนนี้เป็นผู้ออกแบบฟังก์ชันต่างๆของแอปพลิเคชันให้กับทินเดอร์ และกลายเป็นเป้าของการสอบสวนในกรณีที่ทินเดอร์ยื่นเรื่องฟ้องในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ทินเดอร์กล่าวชื่นชมจุดยืนสำคัญของบัมเบิลไว้ด้วย นั่นก็คือ การให้ความสำัญกับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วโลกที่เป็นผู้หญิง หรือการปฏิบัติกับพนักงานผู้หญิงในองค์กร แต่นั่นก็ไม่สามารถชดเชยกับพฤติกรรมการขโมยข้อมูลสำคัญของบริษัทคู่แข่งที่เคยทำงาน หรือการละเมิดสิทธิบัตรได้อยู่ดี เพราะทินเดอร์ให้ความสำคัญอย่างมากที่จะรักษาผลประโยชน์ของบริษัทในเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา และข้อมูลสำคัญที่เป็นจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจ
หลายฝ่ายมองว่าทินเดอร์ตัดสินใจฟ้องร้องบริษัทบัมเบิลหลังจากที่พยายามซื้อกิจการของบัมเบิลอยู่นานแต่ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ และความพยายามที่จะซื้อแอปพลิเคชันบัมเบิลก็ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว CNN ระบุว่าขณะนี้ยังมีไม่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทบัมเบิลออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีดังกล่าว แต่จากข้อมูลของเว็บไซต์ LinkedIn พบว่าขณะนี้พนักงานทั้งสองคนที่เคยอยู่กับทินเดอร์ ไม่ได้ทำงานให้กับบัมเบิลแล้ว