วันที่ 15 ก.ย. 2566 ที่อาคารอนาคตใหม่ ธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพฯ (มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง) พรรคก้าวไกล และ อดีตกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในสภาชุดที่แล้ว แถลงข่าวต่อกรณีความคืบหน้า ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด พล.ต.ต.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการทางวินัย กรณีการดำเนินคดีของ วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส กระทิงแดง” ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ซึ่งเต็มไปด้วยข้อสงสัย ว่ามีการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหา เปลี่ยนแปลงความเร็วรถให้ต่ำกว่าความเป็นจริง การทำสำนวนเพื่อให้สั่งไม่ฟ้อง การสั่งย้ายนายตำรวจที่ต้องการออกหมายแดง การสั่งย้ายนายตำรวจที่จะทำความเห็นแย้งกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง และความไม่ปกติอื่นๆ ที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องของอัยการและการหลบหนีออกนอกประเทศของวรยุทธ
ธีรัจชัย ระบุว่าต่อเรื่องนี้ ตนได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาในสภาสมัยที่แล้ว ตลอดจนมีกระบวนการในกรรมาธิการ ป.ป.ช. สอบสวนจนสิ้นกระแสความ และส่งเรื่องให้กรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อหลังการอภิปรายไม้ไว้วางใจ จนเกิดความคืบหน้าในวันนี้ ซึ่งกรณีดังกล่าว เป็นความผิดของคนหลายกลุ่ม รวมถึงตัว พล.ต.ต.เพิ่มพูน ที่ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการด้วย
กรณีดังกล่าวแม้จะเป็นกระบวนการเอาผิดทางวินัย แต่นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะผู้บังคับบัญชา ควรมีการพิจารณาดำเนินการต่อ ถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการด้วย
ธีรัจชัย กล่าวต่อไป ว่าต่อเรื่องนี้ ตนมีคำถามว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไรต่อคดีทางวินัยที่ ป.ป.ช. ส่งมา เพื่อให้เกิดผลเป็นจริง เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ สิ่งที่ประชาชนสนใจคือความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความยุติธรรมระหว่างคนรวยกับคนจน อย่างที่เห็นในกรณีนี้ ว่ามีคนสามารถได้รับความช่วยเหลือผ่านกลไกต่างๆ ให้สามารถออกนอกประเทศและไม่ถูกดำเนินคดีมาจนถึงวันนี้ได้
สิ่งที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลมา เป็นการรับรองว่ามีความพยายามของคนกลุ่มนี้ในการช่วยเหลือวรยุทธอยู่จริง ดังนั้น ผู้นำที่เป็นฝ่ายบริหารและเห็นกระบวนการยุติธรรมที่เหลื่อมล้ำ ต้องพิสูจน์ความจริงใจดำเนินการเรื่องนี้ให้สิ้นกระแสความ ตรวจสอบคนที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีให้ถูกดำเนินคดีให้หมด รวมทั้งการติดตามวรยุทธมาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งสามารถทำได้ทันทีด้วยการสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานงานกับประเทศทางยุโรป ตรวจสอบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศของวรยุทธหรือไม่ ด้วยการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ (biometrics) และสามารถตามจับได้ไม่ยากถ้าใส่ใจในการทำ
ธีรัจชัยกล่าวต่อไป ว่าทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าโทษที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลออกมานั้น ยังไม่ครอบคลุมและยังไม่หนักพออย่างที่ควรจะเป็น หลายเรื่องเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง หลายเรื่องก็ยังไม่ชัดเจน และยังมีหลายบุคคลที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ดังนั้น ตนจะยังคงตรวจสอบติดตามเรื่องนี้ต่อไป
ที่สำคัญ ในส่วนของผู้นำประเทศ ถ้ามีความจริงใจ ต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่ออย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในส่วนของการติดตามจับกุมวรยุทธอย่างที่ตนได้กล่าวไปข้างต้น และไม่ควรมีการดึงเวลาไปเรื่อยๆ อีกต่อไปแล้ว
“แต่ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ ไม่กล้า เนื่องจากพรรคที่ท่าน (เพิ่มพูน) สังกัดเป็นพรรคที่สำคัญ มีเสียงสูงในขณะนี้ ผมคิดว่าท่านไม่กล้า แต่ท่านจะทำอย่างไรก็ลองอธิบายให้คนเข้าใจก็แล้วกัน ถ้าท่านประสงค์จะทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นธรรมไม่เหลื่อมล้ำท่านต้องเร่งทำโดยเร็ว แต่ถ้าท่านดึงเวลาไปเรื่อยๆ ก็หมายความว่าท่านไม่ได้มีความจริงใจที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศตรงไปตรงมา เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย” ธีรัจชัยกล่าว