วันนี้(14 ส.ค. 2562) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมมอบนโยบายให้ผู้บริหารของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลกระทบไม่ใช่เพียงแค่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชน ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก ยังขาดสภาพคล่อง และการเข้าถึงสินเชื่อ
ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมต้องปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ ด้วยการยกระดับเกษตรและบริการสู่ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องร่วมทำงานกับหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ ช่วยสนับสนุนกลุ่มเอสเอ็มอีก่อน เพื่อให้เข้าถึงสินเชื่อและเพิ่มสภาพคล่องนำไปปรับปรุงสินค้าให้สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้จะต้องดูแลรายได้ให้กับเอสเอ็มอี โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงอุตสาหกรรม เข้ามาให้คำปรึกษาในการวางแผนในการแปรรูปเพิ่มมูลค่ามายกระดับสินค้าเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรม เช่น มังคุด หากสามารถสร้างห้องเย็นและควบคุมคุณภาพที่ดี ก็จะช่วยแก้ปัญหาราคาตกต่ำได้ ซึ่งปัจจุบันธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีผู้นำชุมชนที่มีคุณภาพกว่า 10,000 ราย ต้องนำมาต้นแบบพัฒนาสินค้าเกษตรของชุมชน
“ผมจะต้องส่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไปเวียดนาม ถ้าพบว่าอะไรดีก็อาจลงทุนกับเขา แต่ถ้าเราดีกว่าก็ดึงเขากลับมา ไม่มีอะไรที่เราแย่งชิงไม่ได้” นายสมคิดกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งทีมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จัดโรดโชว์เพื่อดึงนักลงทุนจีนที่กำลังจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามให้กลับมาลงทุนในไทย โดยจัดหาสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับประเทศไทยและแข่งขันกับเวียดนามให้ได้ เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมไทยยังมีจุดอ่อนทั้งเรื่องของเทคโนโลยี และค่าแรงที่สูงกว่าเวียดนามกว่าร้อยละ 50
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: