พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยอมรับว่ารู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของเด็กนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่สี่แยกปทุมวันเมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค. ผ่านมา โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นการสลายตามหลักสากล แต่ในความเป็นจริงเด็กๆ ชุมนุม 2 มือเปล่าด้วยความสงบและได้ประกาศจะสลายการชุมนุมในเวลา 22.00 น. อยู่แล้ว

แต่รัฐบาลกลับใช้วิธีการสลายการชุมนุมแบบข้ามขั้นตอน โดยไม่มีการเปิดเจรจาตามหลักสากล ทั้งที่เด็กก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรือก่อการจลาจลใดๆ เป็นเพียงการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับจงใจที่จะปิดเกมเร็ว ด้วยวิธีการที่รุนแรงเกินเหตุ ไม่เป็นไปตามหลักสากล จึงไม่ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงในการสั่งสลายการชุมนุมในครั้งนี้

"พล.อ.ประยุทธ์ยังมีโอกาสกลับใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายจนควบคุมไม่อยู่ ตอนนี้ม็อบนักเรียนนักศึกษาได้กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ และทั่วประเทศแล้ว แต่แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะใช้วิธีการพูดคุย กลับกระทำเหมือนคนเลือดเข้าตา เพียงเพราะจะรักษาอำนาจ จึงขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงเสียแล้วใช้วิธีการตั้งโต๊ะเจรจาหาทางออกจะดีกว่า ก่อนที่ท่านจะไม่มีโอกาสอีกเลย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เชื่อว่า ประชาชนที่รักความเป็นธรรมคงจะไม่ยอมปล่อยให้รัฐบาลได้กระทำย่ำยีลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีกแน่ เพราะแค่การสลายการชุมนุมครั้งแรกก็สะเทือนใจไปทั่วโลกแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์จะยุติการใช้อำนาจแบบบ้าระห่ำ แล้วรีบปล่อยตัวเด็กๆ ออกมา เพราะพวกเขาคือลูกหลานไม่ใช่อาชญากร แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมหยุดแต่ใช้วิธีการประกาศเคอร์ฟิวจัดการกับประชาชน สุดท้ายคนที่จะจบเห่ไม่ใช่ม็อบ แต่จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์เอง