ปูตินกล่าวว่า “เราเปิดกว้างสำหรับกระบวนการเจรจาเสมอ” ในขณะที่ทั้งสองผู้นำต่างเรียกกันและกันว่าเป็น “เพื่อนรัก” ทั้งนี้ จีนเปิดเผยแผนการยุติสงครามเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการ "ยุติความเป็นปรปักษ์" และเริ่มการเจรจาสันติภาพอีกครั้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
อย่างไรก็ดี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 มี.ค.) สหรัฐฯ เตือนว่าแผนสันติภาพของจีนอาจเป็น "กลยุทธ์ถ่วงเวลา" โดย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "โลกไม่ควรหลงกลกับความเคลื่อนไหวทางยุทธวิธีใดๆ ของรัสเซีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนหรือประเทศอื่นใด เพื่อหยุดสงครามด้วยเงื่อนไขของมันเอง" ก่อนกล่าวเสริมว่า "การเรียกร้องให้หยุดยิง ซึ่งไม่รวมการถอนกองกำลังรัสเซียออกจากดินแดนของยูเครน จะเป็นการสนับสนุนการให้สัตยาบันการพิชิตของรัสเซียอย่างเป็นผล"
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เรียกร้องให้สีเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน โดยกล่าวว่าการแสวงหาข้อตกลงหยุดยิงนั้นไม่เพียงพอ “เราหวังว่าประธานาธิบดีสีจะกดดันประธานาธิบดีปูตินให้ยุติการทิ้งระเบิดเมือง โรงพยาบาล และโรงเรียนของยูเครน ยุติอาชญากรรมสงครามและความโหดร้ายป่าเถื่อน และถอนทหารออกไป”
“แต่เรากังวลว่า แทนที่จีนจะย้ำการเรียกร้องให้มีการหยุดยิง โดยปล่อยให้กองกำลังรัสเซียอยู่ในดินแดนอธิปไตยของยูเครน และการหยุดยิงใดๆ ที่ไม่ได้ระบุถึงการถอนกองกำลังรัสเซียออกจากยูเครนจะเป็นการให้สัตยาบันอย่างมีประสิทธิภาพในการพิชิตดินแดนที่ผิดกฎหมายของรัสเซีย” เคอร์บีระบุย้ำ
แผนสันติภาพ 12 ประการของจีนไม่ได้ระบุเจาะจงว่า รัสเซียจะต้องถอนทัพออกจากยูเครนหรือไม่ ในขณะที่ยูเครนยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการเจรจาใดๆ อย่างไรก็ดี จีนกลับพูดถึง "การเคารพอธิปไตยของทุกประเทศ" และระบุเสริมว่า "ทุกฝ่ายต้องมีเหตุผลและใช้ความยับยั้งชั่งใจ" และ "ค่อยๆ ลดระดับสถานการณ์" ยิ่งไปกว่านั้นแผนดังกล่าวยังประณามการใช้ "การคว่ำบาตรฝ่ายเดียว" ซึ่งถูกมองว่าเป็นการที่จีนวิพากษ์วิจารณ์ชาติพันธมิตรของยูเครนอย่างคลุมเครือ
ในวันจันทร์ (20 มี.ค.) กองทหารรัสเซียให้การต้อนรับสีอย่างอบอุ่น ณ กรุงมอสโก โดยปูตินกล่าวยกย่องจีนว่า "ปฏิบัติตามหลักความยุติธรรม" และผลักดัน "ความมั่นคงที่แบ่งแยกมิได้สำหรับทุกประเทศ" ในทางกลับกัน สีกล่าวกับปูตินว่า "ภายใต้การนำที่แข็งแกร่งของท่าน รัสเซียมีความก้าวหน้าอย่างมากในการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรือง ผมมั่นใจว่าประชาชนรัสเซียจะยังคงให้การสนับสนุนอย่างมั่นคงต่อคุณ" ทั้งนี้ ก่อนการมาถึงของสี ปูตินระบุในหนังสือพิมพ์ People's Daily ของจีนว่า ทั้งสองประเทศจะไม่อ่อนแอลงด้วยนโยบาย "ก้าวร้าว" ของสหรัฐฯ
ในทางสาธารณะ ผู้นำยูเครนเน้นย้ำจุดยืนร่วมกัน ที่พวกเขามีกับจีนอย่างเปิดเผย คือการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผู้นำของยูเครนกำลังประสานงานให้มีการประชุม หรือพูดคุยผ่านโทรศัพท์ระหว่าง โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนกับประธานาธิบดีจีน ในขณะที่ยูเครนยังคงมีความกังวลว่า จีนจะให้การสนับสนุนรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันมีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีและการค้า และอาจขยายไปถึงการทหาร ซึ่งอาจหมายรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ด้วย
การมีเสถียรภาพของรัสเซีย ส่งผลโดยตรงกับจีนจากการมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งทั้งสองชาติมีแนวพรมแดนร่วมกันยาวกว่า 4,300 กิโลเมตร โดยรัสเซียพึ่งพาการขายน้ำมันให้กับจีน ในขณะที่จีนสามารถซื้อพลังงานราคาถูกจากทางรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ ทางการจีนเป็นตัวกลางในการเจรจารื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน การเดินทางเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีจีน จึงอาจเป็นความพยายยามของจีน ที่จะสะท้อนภาพการเป็นตัวกลางของการเจรจา อย่างไรก็ดี การเดินทางเยือนรัสเซียของสี เกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากการที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ประกาศหมายจับต่อปูตินฐานอาชญากรสงคราม ซึ่งส่งผลให้ปูตินไม่สามารถเดินทางไปยัง 123 ประเทศทั่วโลก ที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ
ที่มา: