ก่อนหน้าการพบหน้ากันของปูตินกับคิมในวันพุธ (13 ก.ย.) ไม่กี่ชั่วโมง เกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธทิ้งตัว ทั้งนี้ ปูตินได้กล่าวต้อนรับต่อคิมว่า “ยินดีที่ได้พบคุณ” หลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้พบหน้ากันครั้งล่าสุด เมื่อปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ซึ่งคาดว่าเป็นการเดินทางออกนอกเกาหลีเหนือของคิมเป็นครั้งสุดท้าย
การพบปะระหว่างคิมและปูตินกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร แม้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียจะปฏิเสธว่า การเจรจาของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารก็ตาม ทั้งนี้ สำนักประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า มีข้อมูลใหม่ว่าการเจรจาระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ ที่เกี่ยวกับข้อตกลงด้านอาวุธ "กำลังดำเนินไปอย่างแข็งขัน"
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียพยายาม "โน้มน้าวเปียงยางให้ขายกระสุนปืนใหญ่" ให้กับรัสเซีย ในระหว่างการเยือนเกาหลีเหนือครั้งล่าสุด ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าเกาหลีเหนือยังต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร และอาจรวมถึงเทคโนโลยีเพื่อช่วยในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ที่ถูกสั่งห้ามจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ดี สำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเมื่อวันอังคาร (12 ก.ย.) ว่า “การเยือนอย่างเต็มรูปแบบ” ของผู้นำเกาหลีหนือในรัสเซีย จะครอบคลุม “ความสัมพันธ์ทวิภาคี สถานการณ์ในภูมิภาค และในเวทีโลก” ในขณะที่สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า คิมกล่าวว่าการเยือนรัสเซียของเขา แสดงให้เห็นถึง "ความสำคัญเชิงกลยุทธ์" ของความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
นอกจากนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของชาติเสมอ “ผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศมีความสำคัญต่อเรา ไม่ใช่คำเตือนจากวอชิงตัน” สื่อของรัฐบาลรัสเซียรายงานอ้างคำพูดของเปสคอฟ
ศูนย์อวกาศวอสตอชนี เป็นศูนย์อวกาศที่ทันสมัยที่สุดของรัสเซีย และมีการกล่าวกันว่าเป็นโครงการสุดโปรดของปูติน ทั้งนี้ เกาหลีเหนืออาจขอความร่วมมือจากรัสเซียในโครงการอวกาศ หลังจากที่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เกาหลีเหนือประสบกับล้มเหลวเป็นครั้งที่ 2 ในการปล่อยดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่วงโคจร เนื่องจากจรวดเกิดความผิดพลาดขึ้น
ก่อนหน้านี้ ระหว่างทางไปยังศูนย์อวกาศ คิมได้แวะพักที่สถานีชายแดนคาซานช่วงเช้าวันอังคาร ซึ่งเขาได้รับการต้อนรับจากคณะผู้แทนจากรัสเซีย ท่ามกลางวงดุริยางค์ของรัสเซียบรรเลงเพลงต้อนรับ ทั้งนี้ มีกระแสข่าวลือว่ารถไฟของคิมมีตู้โดยสารหุ้มเกราะกันกระสุนหนักอย่างน้อย 20 ตู้ ส่งผลให้ขบวนรถไฟมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้รถไฟวิ่งได้ช้ามาก โดยมันสามารถเดินทางได้เพียงประมาณ 59 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การเดินทางไปต่างประเทศครั้งสุดท้ายของผู้นำเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่คิมเดินทางไปยังวลาดิวอสต็อกในปี 2562 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับปูติน หลังจากการความล้มเหลวในการเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น
ที่มา: