ไม่พบผลการค้นหา
ความรักในทัศนะของนักเขียนรางวัลซีไรต์ 'วีรพร นิติประภา' แม้กรุงเทพฯ จะเป็นเมืองที่ไม่โรแมนติก ไม่เอื้อให้ตกหลุมรัก แต่คุณจงรัก เพราะมันจะทำให้เข้าใจตัวเองและเข้าใจมนุษย์

แหม่ม - วีรพร นิติประภา นักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์ปี 2558 และ 2561 ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ‘วอยซ์ออนไลน์’ ถึงมุมมองความรักในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เธอนิยามความรักคือมิตรภาพ การดูแลซึ่งกันและกัน การเข้าอกเข้าใจ ความเคารพในวิธีคิดและทิศทางของแต่ละคน และการไม่ครอบครอง เธอคิดว่าปัญหาที่น่ารำคาญมากเกี่ยวกับความรักคือความหึงหวง และเกี่ยวข้องกับการครอบครองค่อนข้างเยอะ

ขณะเดียวกัน วีรพร เปิดเผยว่า ความรักก็เป็นแรงบันดาลใจหนึ่งในการเขียนงานของเธอทุกวันนี้ เพราะเธอสนใจคนที่อยู่ในห้วงรัก เธอกล่าวว่า คนที่อยู่ในห้วงรักมักจะแสดงออก ซึ่งตัวตนที่แท้จริงของเรา อย่างเช่น ถ้าคุณขาด คุณก็ครอบครอง ครอบงำ คุณขี้อิจฉาเพราะคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย คุณหึงหวงเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือว่าคุณทำได้มากแค่ไหนเพื่อความรักของคุณ หรือทำอย่างไรเมื่อสูญเสียมันไป เธอสนใจพฤติกรรมเหล่านี้มากกว่าความรัก

วีรพร กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราเป็นสังคมที่ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มาก จะเห็นได้จากในละครต่างๆ เช่น นำเสนอเรื่องวัยรุ่นก่อนมีครอบครัว มีนางอิจฉา ฯลฯ เธอเองมองความรักในทุกๆ ห้วง เพราะในแง่หนึ่งมันทำให้ตัวละครในงานเขียนของเธอสามารถที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาได้ ความรักจะทำให้เราเห็นได้มากที่สุดว่าคนๆ นี้เขาเป็นแบบนี้ๆ

เธอใช้คำว่า ‘เปลือยเปล่า’ คือคนเราจะมีทางเลือกน้อยลงเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องความรัก “สมมติว่าคุณอยากได้ผู้หญิงคนนี้ คุณต้องทำอะไรบ้าง? เหมือนตัวอิจฉาก็อาจจะโกงเอาเลย ฉันจะโกหกใส่ร้ายนางเอก หรือคนบางคนก็สามารถที่จะเงียบงำไปได้เรื่อยๆ” มันเป็นอย่างนี้มากกว่าที่จะบอกว่าความรักได้กระทำอะไรต่อผู้คน แต่ผู้คนตอบสนองอย่างไรต่อหน้าความรักของเขาต่างหาก 

“มันซื้อหาไม่ได้ มันจูงใจก็ไม่ได้ บังคับก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ รักก็รัก ไม่รักก็ไม่รัก เพราะฉะนั้น คุณแทบจะไม่มีทางเลือกเลย เวลาที่คุณตกหลุมรักก็คือคนนี้แหละ คุณไม่รู้ว่าทำไม แต่ถ้าเกิดเมื่อไหร่คุณรู้ว่าทำไม มันไม่ใช่รักแล้วล่ะ มันจะเป็นเรื่องหน้าตา เรื่องมายาคติของมัน เป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่” วีรพร กล่าว

ส่วนทุกวันนี้การเขียนนิยายก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ความรักเป็นแกนเหมือนนิยายสมัยก่อน ขึ้นอยู่กับว่าเขียนให้คนกลุ่มไหนอ่าน ถ้าเป็นคนมีอายุก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับความรักมาก แต่ถ้าเขียนให้คนอายุน้อยๆ อ่าน ความรักยังคงเป็นตัวดึงดูดที่ดี แม้คนทำงานเขียนที่มองพฤติกรรมว่าใครทำอะไร มากกว่าอารมณ์ แต่เมื่อมีความรักเข้ามาก็ง่ายที่จะทำให้ผู้อ่านเห็นว่าตัวละครตัวนี้เป็นแบบนี้ คนเห็นแก่ตัวก็จะไม่ให้อิสรภาพคนที่ตัวเองรัก หรือคนที่รู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัยก็จะหึงหวงตลอดเวลาเพราะกลัวเสียคนรักไป ทั้งที่จริงคนเรามันไม่ได้เสียกันไปง่ายๆ


วีรพร ไส้เดือนตาบอด.jpg

วีรพร ยกตัวอย่างให้ฟังว่า ที่มาของหนังสือ ‘ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต’ มาจากข่าวสั้นในหนังสือพิมพ์กรอบเล็กๆ ที่เล่าถึงผู้ชายกับผู้หญิงที่จูงมือกันเข้าโรงแรมกินยาฆ่าแมลงตาย เนื่องจากครอบครัวกีดกันความรัก ผู้หญิงกินยาตาย แต่ผู้ชายนอนกอดผู้หญิงทั้งคืนและมอบตัวตอนเช้า

ตอนนั้นเธออ่านข่าวแล้วรู้สึกเศร้าที่คนอยากอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ทำไม่ได้ ความรัก-ความกลัว-การอยากมีชีวิตอยู่ มันทำให้คิดได้ว่าไม่ใช่ผู้ชายรักไม่แท้ แต่ความรักเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ในยุคสมัยนี้คนฆ่าตัวตายเพราะความรักน้อยลง ถูกกีดกันก็หาใหม่ สังคมเปิดกว้างขึ้น เธอแทบจะไม่เข้าใจความรักของเด็กรุ่นใหม่ เพราะแต่ละรุ่นก็มีรูปแบบความรักที่ต่างกัน สมัยก่อนต้องนั่งมองหน้ากันเป็นเดือนๆ สมัยนี้ความรักเกิดขึ้นและจบลงเร็วขึ้น เหมือนรถ เหมือนทีวีที่เร็วขึ้นตามสมัย แต่จะกล่าวหาว่าความรักยุคนี้ฉาบฉวยขึ้นก็คงไม่ใช่

ส่วนตัวเธอชอบความรักแบบไม่ต้องมีปัจจัย เงยหน้ามาถึงก็รักปั๊บ แต่ถ้าจะทำให้ความรักนั้นยาวนานก็คงเป็นมิตรภาพ เธอชอบให้ตัวละครในนวนิยายของเธอใช้เวลาด้วยกันไปนานๆ เช่น ผู้ชายที่แอบมองผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นปีๆ คอยให้ผู้หญิงแวะมาหาที่ร้าน แล้วก็เดินกันไปเงียบๆ แต่ช่วงเวลานั้นไม่ใช่แค่ความเงียบ มันคือการค่อยๆ เรียนรู้กันไปโดยไม่มีคำพูด บ่อยครั้งเราพูดเยอะเกินไปเรื่องความรัก ‘ฉันรักเธอ’ แล้วก็พูดซ้ำๆ พูดจนมันไม่หมายความอะไร บางครั้งเราไม่รู้ว่ารัก แต่เวลาผ่านไปค่อยมาตระหนักได้ว่าสงสัยเราจะรักคนนี้ มันอาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เราไม่รู้จัก หรือรู้จักมาแสนนานก็ได้


ฝุ่นPM2.5-อาคาร-ฝุ่น-ตึกสูง-อสังหาริมทรัพย์-เลอ บัว
กรุงเทพฯ เมืองไม่โรแมนติก ไม่เอื้อให้มีความรัก

อย่างไรก็ตาม วีรพร กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดความรักในกรุงเทพฯ ว่ามีน้อยมาก เพราะกรุงเทพเป็นเมืองที่ไม่โรแมนติก เป็นเมืองที่ถ้าคุณตกหลุมรักเดี๋ยวนี้ เย็นนี้ก็เลิก จะเดินคุยกันก็ไม่มีที่ เข้าไปนั่งในร้านกาแฟก็คนหนาแน่น เดินห้างก็ตกหลุมรักใครไม่ได้ คนเยอะ วุ่นวาย เจี๊ยวจ๊าว ไม่มีพื้นที่ให้คู่รัก หรือถ้าเกิดตกหลุมรักใครก็ยากที่จะประคองความสัมพันธ์เอาไว้ เช่น นัดกันไว้หกโมงเย็น มาถึงทุ่มนึงเพราะจราจรและขนส่งมวลชนแย่ ไหนจะฝุ่นทำให้ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ นั่งแอ๊วผู้ชายอยู่แล้วเลือดกำเดาไหล เป็นเมืองที่น่าหงุดหงิด รถติดควันดำ ไม่มีพื้นที่ สวนสาธารณะก็น้อย ไม่ได้รับการดูแล เช่น สวนรถไฟ สวนลุมพินี ก็เป็นสวนที่ไม่สวย ไม่มีการวางทัศนียภาพและภูมิทัศน์ แต่เป็นทั้งหมดที่เรามี ก็ต้องเดินกันไปอย่างนั้น

แม้ว่าจะมีแอปพลิเคชั่นหาคู่ แต่ก็ไม่มีปัจจัย ไม่มีกำลังที่จะเดตกับใคร ดูหนังครั้งหนึ่ง 250 บาท ขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำ ทุกคนต้องทำงานเยอะขึ้น ความรักก็มีพื้นที่น้อยลง กลับกันถ้าคุณอยู่ปารีส 2 ชั่วโมง คุณก็ตกหลุมรักได้ 3 หนแล้ว เพราะเมืองมันสวยงาม น่ามีชีวิตอยู่ และสีสันของการมีชีวิตอยู่คือการได้รัก การถูกรัก การเอ็นจอยในแต่ละวัน สำคัญคือต้องมีพื้นที่ให้เดิน

ขณะเดียวกันเราก็จะค่อยๆ สังเกตพฤติกรรม และลักษณะของคนเวลาทำอะไร เพราะมันจะบอกถึงตัวตนของเขา แต่ในกรุงเทพฯ ที่ทุกคนต้องเร่งรีบ รีบกิน รีบไป จะโรแมนติกได้อย่างไร

เมื่อเราไม่ได้เห็นว่าแต่ละคนมีลักษณะเข้าถึงชีวิตแบบไหน วิธีที่คนๆ หนึ่งจับข้าวของ แตะต้องสิ่งต่างๆ ก็ทำให้เราไม่อาจตกหลุมรักใครได้ ทำได้แค่ตกเย็นก็กลับไปนั่งดูละครหลังข่าวแล้ว 'มโน' เอาว่าอยากได้แฟนเหมือนพระเอกคนนี้ นักร้องคนนี้ ทำแบบนี้ เป็นมายาคติ มากกว่าเป็นคนจริงๆ แล้วถ้าเราเจอคนที่ 'ขี้แอ็ก' หน่อย ให้เหมือนดารา เราก็จะรู้สึกว่าคนนี้แหละใช่ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเราแทบจะไม่เห็นตัวตนของเราในแบบที่เขาเป็นเลย เมืองเฟก คนเฟก ความรักก็เฟก เหมือนที่เราซื้อทุกอย่างเป็นอาหารสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตัวเองไม่ได้ดูถูกว่าคนกรุงเทพฯ เขารักไม่จริง รักไม่เป็น แต่เมืองมันไม่มีปัจจัยช่วยให้คนตกหลุมรัก

ในช่วงท้าย วีรพร ฝากถึงทุกคนว่า จงรัก ต่อให้มันยากที่จะรัก จะลำบากยังไงก็จงรัก จงอย่าคิดว่า อยู่คนเดียวก็ได้ ไม่รักใครก็ดี เพราะความรักทำให้เราเข้าถึงชีวิต ความรักทำให้เราเข้าถึงความเป็นมนุษย์ อย่างน้อยก็ทำให้เข้าถึงการเป็นตัวเรา และเธอพบว่าคนรุ่นใหม่ที่เธอรู้จัก ดูเหมือนจะเฉยชากับเรื่องนี้มา ไม่แสวงหาความรัก ไม่ลงทุนกับความรัก ไม่รู้สึกผิดที่ไม่มีความรัก แต่เธออยากให้พยายามนิดนึง ต่อให้อยู่ในเมืองแบบไหน มีชีวิตแบบใด แต่ความรักเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เรารู้จักคนอื่น และรู้จักตัวคุณเอง