ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกรัฐบาลเผย ผบ.ทร.ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางแล้ว เช้านี้พบอีก 1 ร่างนำส่งพิสูจน์อัตลักษณ์ ยืนยันเป็นกำลังพลแล้ว 10 ราย

อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการดำเนินการเร่งค้นหาและช่วยเหลือกำลังพล กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยในวันนี้กองทัพเรือยังคงดำเนินการเร่งค้นหาเร่งค้นหาและช่วยเหลือกำลังพล ในพื้นที่ลาดตระเวนตามแผน ประกอบด้วย เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงตากสิน เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงนราธิวาส เรือ ต.114 และ เรือ ต.270 รวมถึง เรือ อากาศยาน ทั้งของกองทัพเรือ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานในศูนย์อำนวยการรักษาพื้นที่ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. และหน่วยงานต่าง ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานท้องถิ่น มูลนิธิ เครือข่ายชาวประมง และสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล ร่วมค้นหาในพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง ในขณะที่พื้นที่ตามแนวชายฝั่ง ก็ยังคงมีการจัดชุดลาดตระเวนทางเท้าในบริเวณที่คาดว่าจะมีการพบผู้สูญหาย โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เรือหลวงนเรศวรได้ดำเนินการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพิ่มอีก 1 ร่าง และจะกลับขึ้นฝั่งที่อำเภอบางสะพาน ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคลต่อไป 

อนุชา กล่าวว่า ล่าสุดในส่วนของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางนั้น พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้เผยว่า ในขณะนี้ กองทัพเรือ โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งประกอบด้วย คณะอนุกรรมการจำนวน 2 คณะ คือ คณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุ ทั้งด้านความพร้อมของเรือและการปฏิบัติงานของเรือ และคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงในการดำเนินการภายหลังจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบการดำเนินการในขั้นตอนของการสละเรือใหญ่ การค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลภายหลังประสบเหตุ ว่าเป็นไปตามหลักการและแนวทางการปฏิบัติที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ก็ได้เร่งดำเนินการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุต่อไป 

“นายกรัฐมนตรีกำชับให้ค้นหาผู้สูญหายกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่มให้พบ โดยนายกรัฐมนตรีติดตามการสืบสวนสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด สั่งการให้เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งพลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ติดตามโดยประสานงานระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ และหน่วยในพื้นที่สัตหีบ ซึ่งต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวน ตามขั้นตอน ระเบียบ และกฎหมายที่ชัดเจน ดังนั้น ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ยืนยันว่านายกฯ และรัฐบาลจะให้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ โดยเฉพาะด้านสิทธิกำลังพล รวมทั้งจะนำทหารเรือที่สูญหายทุกนายกลับคืนมาสู่ครอบครัวให้ได้โดยเร็ว” นายอนุชาฯ กล่าว 

สำหรับสรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (วันที่ 26 ธ.ค.2565) เวลา 11.30 น. ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต จำนวน 76 นาย เสียชีวิตรวม 18 นาย ในจำนวนนี้สามารถระบุชื่อได้แล้ว 10 นาย มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือและอยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 8 นาย คงเหลือผู้สูญหายจำนวน 11 นาย (ยังไม่นับรวมเคสที่เจอล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ รอผลและหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือ จึงจะมีการตัดยอด) 

ทั้งนี้ ในช่วงวันบ่ายวันนี้ (26 ธ.ค. 2565) เวลา 13.00 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ว่าที่ เรือเอก สามารถ แก้วผลึก พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ และ พันจ่าเอก อำนาจ พิมที ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และในเวลา 15.00 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมข้าราชการและกำลังพลกองทัพเรือในพื้นที่ จะเดินทางไปร่วมในพิธีรับร่างพลทหาร วรพงษ์ บุญละคร กำลังพลหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมกับกำลังพลอีก 3 นายซึ่งไดรับการยืนยันตัวบุคคลจากผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ประกอบด้วย จ่าตรี ศราวุธ นาดี กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย พลทหาร สิทธิพงษ์ หงษ์ทอง กำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม กำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ซึ่งจะเคลื่อนศพ จากกองบิน 6 ขึ้นเครื่องบินแบบฟอกเกอร์ของกองทัพเรือ จากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะนำร่างไปประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ ในเวลา 17.00 น