ไม่พบผลการค้นหา
ทนายนรวิชญ์ ข้องใจโต้ ‘ชวน หลีกภัย’ ใครกันแน่ทำให้คดีหมิ่นประมาท ‘ทักษิณ’ ล่าช้าเกือบ 10 ปี แฉประธานสภาฯ ดึงเวลารับทราบข้อหาตามหมายเรียก 4 ครั้ง อย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

จากกรณี ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาได้แถลงข่าว ต่อหน้าสื่อมวลชนที่รัฐสภา ภายหลังตกเป็นจำเลย ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ชวน ในความผิด หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2555 ชวน ได้ปราศรัยถึงนโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งสมัย ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดพลาดนั้น

โดย ชวน หลีกภัย ได้แถลงว่า “รู้ว่าคดีจะขาดอายุความ จึงมอบหมายให้ ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความ ช่วยประสานตำรวจ และอัยการเพื่อให้ฟ้องคดี เพื่อมิให้คดีขาดอายุความ หากคดีขาดอายุความ องค์กรตำรวจ และอัยการจะเสียหายได้ ตนยึดหลักในความเคารพกฎหมาย และทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมสู้คดี” นั้น

โดย วันที่ 27 ต.ค. 2565 นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ผู้รับมอบอำนาจจาก ดร.ทักษิณ ในการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อเอาผิดกับ ชวน ในข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดร.ทักษิณ  ซึ่งคดีนี้ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกรมาตั้งแต่ปี 2555 นับถึงเวลานี้ เป็นเวลาจะเกือบ 10 ปี

นรวิชญ์ กล่าวว่า ต้องย้อนถาม ชวน หลีกภัย ว่า ใครกันแน่ที่ทำให้คดีล่าช้า มาเป็นเวลา 10 ปี และถามอีกว่า ได้ยึดหลักในความเคารพกฎหมาย และได้อยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมสู้คดี จริงหรือไม่ ความจริง ต้องให้ความเป็นธรรมกับองค์กรตำรวจและอัยการ เพราะนับแต่ตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ดร.ทักษิณในการแจ้งความร้องทุกข์คดีนี้แล้ว ตนได้ติดตามคดีนี้มาโดยตลอด จึงได้ทราบว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน ได้มีหมายเรียกให้ชวน หลีกภัย มารับทราบข้อกล่าวหามาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ชวน หลีกภัย ไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก จนเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ 

การที่ ชวน ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกดังกล่าว จึงทำให้พนักงานสอบสวน ไม่สามารถนำตัวชวน  ในฐานะผู้ต้องหาส่งให้กับพนักงานอัยการ เป็นผลให้พนักงานอัยการไม่สามารถนำตัว ชวน  ในฐานะจำเลยส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงเป็นเหตุให้คดีล่าช้ามาถึงเกือบจะ 10 ปี ตนเป็นทนายความและทำคดีมาจะ 30 ปี ยังไม่เคยเห็นคดีใหนล่าช้าเท่าคดีนี้ ถ้าเป็นคดีชาวบ้านธรรมดาๆ คดีคงจบไปนานแล้ว

นรวิชญ์ กล่าวว่า ต้องถาม ชวนที่อ้างว่า ตนเองยึดหลักในความเคารพกฎหมาย และอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และพร้อมสู้คดี แต่เหตุใด ชวน หลีกภัย จึงไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกทั้ง 4 ครั้งดังกล่าว

”คงไม่ตอบผมนะครับว่า ไม่ได้รับหมายเรียก อย่างนี้จะถือว่า ชวน ได้ยึดหลักในความเคารพกฎหมาย และอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และพร้อมสู้คดี ตามที่พูด หรือไม่ และการที่คดีล่าช้าเกือบจะถึง 10 ปี สาเหตุมาจากการที่ ชวน หลีกภัย ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ไม่ใช่องค์กรตำรวจ หรืออัยการทำคดีล่าช้า ใช่หรือไม่”

ส่วนที่ ชวน หลีกภัย อ้างว่า “เห็นว่าคดีอีก 3 วันคดีจะขาดอายุความจึงได้ขอให้ตำรวจ และอัยการ ยื่นฟ้องตนต่อศาล” นั้น ตนก็มีคำถามว่า ชวน หลีกภัย ในฐานะผู้ต้องหา หรือจำเลย เอาอำนาจอะไรไปสั่งให้ องค์กรตำรวจ และอัยการ ฟ้องคดีนี้ ทั้งที่การพิจารณาของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ในการจะสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องคดีในคดีใดๆนั้น ต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมายเป็นสำคัญ ไม่ใช่ทำตามคำสั่งของใคร และที่สำคัญต้องไม่ตามคำสั่งของผู้ต้องหา หรือจำเลย

“การที่ ชวน หลีกภัย พูดเช่นนี้ ถือว่า องค์กร ตำรวจ และอัยการเสียหาย และทำให้ประชาชนสับสน องค์กรตำรวจ และอัยการ ต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างท้ายนี้ฝากเป็นข้อคิดทุกท่าน อย่าพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น” นรวิชญ์ กล่าว