ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงสาธารณสุข เผยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากเชื้อโอไมครอนได้ดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงประสิทธิผลของวัคซีนโควิด 19 ที่มีต่อสายพันธุ์โอไมครอน ว่า จากการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 จากการใช้จริงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ระยะที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2565 โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และคณะทำงานวิชาการ

ศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคโควิด 19 พบว่า การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่ป้องกันการติดเชื้อ แต่ยังป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 85%, ฉีดวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อ 34-68% ป้องกันการเสียชีวิตสูง 98-99% และการฉีดวัคซีน 4 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อ 80-82% ยังไม่มีผู้ได้รับวัคซีน 4 เข็ม เสียชีวิตจากโควิด 19 

โดยในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี พบว่า การฉีดวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อ 43% และการฉีด 4 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อ 82% สูงกว่ากลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่การฉีด 3 เข็มป้องกันการติดเชื้อ 31% และการฉีด 4 เข็มป้องกันการติดเชื้อ 79% ขณะที่การฉีดวัคซีน 3 เข็มแต่ละสูตร มีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้ออยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

“จากผลการศึกษาดังกล่าวมีข้อสรุปว่า ช่วงการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน สูตรการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในประเทศไทยยังมีประสิทธิผลในการป้องกันการเสียชีวิตและป่วยรุนแรงได้ดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ดังนั้นต้องเร่งึฉีดเข็มกระตุ้น เน้นกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ ร่วมกับมาตรการป้องกันส่วนบุคคลและมาตรการทางสาธารณสุขด้วย” นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้จะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาไปพบครอบครัวหรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก ขอย้ำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มนานเกิน 3 เดือน หรือรับวัคซีน 3 เข็มนานเกิน 4 เดือน ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกำหนด ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อ  ที่สำคัญคือช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตได้ เป็นการสร้างความปลอดภัยให้แก่ทุกคนในครอบครัว และจะช่วยให้หลังเทศกาลสงกรานต์จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก และผู้เสียชีวิต ไม่สูงขึ้นได้