พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.ด้านความมั่นคง แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ระบุว่า วานนี้ (20 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดอีก 2 จุด เป็นชนิด PMN2 เช่นเดียวกัน โดยห่างจากหลุมเดิมที่ทหารไทยเหยียบประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร ซึ่งชี้ชัดว่ามีการวางใหม่เพิ่มเติม มีเป้าหมายเพื่อสังหารบุคคล เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน และรวมถึงการรุกล้ำอธิปไตยของไทย
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพไทยได้ยกกระดับมาตรการการปฏิบัติที่เข้มข้นขึ้น โดยหน่วยในพื้นที่ได้รับคำสั่งให้ใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิมในการลาดตระเวน รวมถึงมีการเตรียมความพร้อมสูงขึ้นตามหลักการปฏิบัติของกฎการใช้กำลังของกองทัพ
นอกจากนี้ ในระดับส่วนกลาง ทางกองทัพไทยโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติได้ออกหนังสือประณามการกระทำดังกล่าวแล้ว และยังคงติดตามและมีมาตรการเพิ่มเติมอื่นๆต่อไป ทั้งนี้ กองทัพได้เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหาร ผู้แทนกองทัพประเทศต่างๆ มารับฟังคำชี้แจงเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้
ส่วนกรณีปราสาทตาเมือนธม ที่เกิดเหตุการณ์เมื่อ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ร่วมหารือเพื่อแก้ไขหามาตรการในการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างนักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย โดยมีการกำหนดมาตรการ หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาติใด ให้เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานของชาตินั้นเป็นผู้จัดการ โดยจะเชิญตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ กรณีที่มีปัญหาในพื้นที่ การแก้ไขปัญหาให้ชุดประสานงานประจำพื้นที่ซึ่งแต่ละฝ่ายจัดกำลัง 7 นาย เป็นผู้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ไม่มีการเรียกชุดกำลังเสริมหรือชุดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าหรือลดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนที่จะขึ้นมาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม และขอยืนยันว่ามาตรการทั้ง 3 มาตรการมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันในการดำเนินการ พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติมจัดชุดอาสาสมัครและทหารพรานหญิงมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม