วันที่ 16 มิ.ย. 2565 ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยหลังเปิดตัวณัฐวุฒิ ใสยเกื้อผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ว่า ไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของเหล่าสมุนผู้นำที่มาจากเผด็จการอำนาจนิยม ที่ถนัดแต่จับจ้องสร้างวาทกรรมโจมตีทางการเมืองมากกว่าสร้างสรรค์สิ่งที่เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ว่า ณัฐวุฒิ ยืนอยู่บนเส้นทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างมั่นคงมาโดยตลอด แม้จะต้องเผชิญกับวิบากกรรมทางการเมืองแสนสาหัส แต่ก็ไม่เคยคิดขายจิตวิญญาณ หรือก้มหัวให้กับเผด็จการเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเหมือนคนบางกลุ่ม นี่คือเกียรติยศยิ่งใหญ่ของคนที่ไม่เคยละทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย ดังนั้นการกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยของณัฐวุฒิ ในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มีภารกิจสำคัญคือร่วมสร้างสรรค์ประชาธิปไตย โดยยึดผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
และที่สำคัญคือการเดินหน้าต่อสู้ในสนามเลือกตั้งเพื่อช่วงชิงอำนาจจากรัฐบาลเผด็จการและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน หลังจากที่ประเทศไทยต้องตกอยู่ภายใต้รัฐบาลสืบทอดอำนาจมายาวนานกว่า 8 ปี จนบ้านเมืองพังพินาศอย่างเช่นทุกวันนี้
ส่วนกรณีการกล่าวหาเรื่องเผาบ้านเผาเมืองที่ชนะศักดิ์กล่าวนั้น ชญาภา ระบุว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ผ่านการพิสูจน์โดยศาลซึ่งได้ยกฟ้องไปหลายคดีแล้ว ดังนั้นควรหยุดใส่ร้ายป้ายสีด้วยวาทกรรมเดิมๆแบบวนลูปได้แล้ว นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีแนวคิดนิยมความรุนแรงตามที่พยายามกล่าวหา การพยายามเชื่อมโยงว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังปรากฎการณ์ที่ประชาชนคนหนุ่มสาวจำนวนมากออกมาขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น สะท้อนว่าฝ่ายผู้มีอำนาจนอกจากไม่เคยรับฟังเสียงของประชาชนแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกว่าประชาชนเบื่อหน่ายเอือมระอาและสิ้นศรัทธากับรัฐบาลมากขนาดไหน ถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้องเปลี่ยนแปลง หมดเวลาของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ
“ถ้าหากสงสารประเทศชาติ สงสารประชาชนจริงตามที่กล่าวอ้าง ก่อนอื่นควรเลิกพฤติกรรมลูกขุนพลอยพยักและควรเดินไปบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์สละเรือแป๊ะเหล็กผุไปได้แล้ว เลิกกอดอำนาจ คืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกผู้นำที่มีฝีมือ สามารถนำพาประเทศไทยฝ่าวิกฤตไปได้ พรรคเพื่อไทยพร้อมพิสูจน์ศรัทธาประชาชนในทุกกติกา ทำงานด้วยความจริงใจให้กับผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้น” ชญาภากล่าว