พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค และ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ และนายชัยเกษม นิติสิริ คณะทำงานด้านกฎหมาย ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ (10 มี.ค. 2562) เปิดแคมเปญ "เอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าคืนมา" เพื่อทวงคืน "ความสุขที่แท้จริง" ให้กับคนไทย โดยเปรียบ "ลุง" คือความเสียหาย 5 ปีที่ผ่านมา หมายถึง "ความคิดและสิ่งเก่าที่ทำให้สิ้นหวัง" เพราะประชาชนต่างมีความทุกข์จากปัญหาปากท้องหนักหน่วงและหนี้สินท่วมหัว แม้รัฐบาล คสช. พยายามปฏิเสธก็ตาม
โดยพรรคเพื่อไทยอ้างถึงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศ ที่ชี้ว่า รัฐบาลใช้งบประมาณ 4-5 ปีไปแล้ว 12.78 ล้านล้านบาท ก่อหนี้อีกมหาศาล แม้ GDP ของไทยโตขึ้นแต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจนลง เกิดสภาพ "รวยกระจุก จนกระจาย" กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ได้เปรียบธุรกิจขนาดเล็ก และ SMEs มีหนี้เสียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับที่สภาเศรษฐกิจโลก จัดให้ไทยมีความเหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สินมากที่สุดในอาเซียน
คุณหญิงสุดารัตน์ แถลงว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ, จะสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและสมดุลระหว่างเมืองกับชนบท จะไม่ออกนโยบาย "คิดสั้น" และก่อหนี้มหาศาลให้ประเทศแบบ "ลุง" แต่จะดำเนินตามแนวนโยบาย "ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐีใหม่"
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายที่สำคัญประกอบด้วย เพิ่มรายได้ SME ร้อยละ 15 ให้สิทธิพิเศษนอก EEC แก่ SME, ธุรกิจ startup, และ E - commerce ,จะลดภาษีเป็นขั้นตอน, เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน , เพิ่มเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 18,000 บาทต่อเดือน, เพิ่มราคาสินค้าเกษตรหลักทุกตัวภายใน 1 เดือน เช่น ข้าวเปลือก 12,000 -15,000 บาทต่อเกวียน, ยางพารา 60 บาทต่อกิโลกรัม, อ้อย 1,000 บาทต่อตัน นอกจากนี้จะลดภาษีน้ำมัน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพไปโดยปริยาย พร้อมย้ำว่า หากคนตัวเล็กมีกำลังซื้อจะหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ
นายกิตติรัตน์ กล่าวให้ความเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้และเคยพิสูจน์มาแล้ว โดยยกตัวอย่าง การควบคุมราคาน้ำมันของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ทั้งที่ราคาในตลาดโลกสูงกว่าปัจจุบัน แต่รัฐบาล คสช.ขึ้นภาษีน้ำมัน เพราะไม่มีช่องทางหารายได้อื่น
ขณะที่นายภูมิธรรม ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ว่าประชาชนจะเลือกอยู่กับสภาพชีวิตแบบเดิมที่เผชิญมาตลอด 4-5 ปี หรือเลือกที่จะออกจากสภาพที่เป็นอยู่เพื่อมีชีวิตดีขึ้น ซึ่งจะทำได้ต้องใช้กลไกประชาธิปไตยเท่านั้น ส่วนกระแสข่าวมีการเรียกเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านหรือการให้เปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอ้างอิงนโยบายรัฐนั้น ขอให้ประชาชนและทุกฝ่ายร่วมกันจับตาและตรวจสอบ
โดยช่วงค่ำวันนี้ (10 มี.ค.) พรรคเพื่อไทยมีกำหนดการปราศรัยที่จังหวัดปทุมธานี บริเวณลานเอนกประสงค์ ข้างห้างสรรพสินค้าโลตัส รังสิต นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานรณรงค์หาเสียง พร้อมแกนนำพรรคอีกหลายคน จะขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานีทั้ง 6 เขตด้วย