ทั้งนี้ หนึ่งในคณะรัฐมนตรีหญิงที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคิชิดะ ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ คือ โยโกะ คามิกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นหญิงคนแรกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ
“เราต้องการแสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของญี่ปุ่น และสร้างความไว้วางใจกับคู่ค้าของเราทั่วโลก” คามิกาวากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ย.) ที่งานแถลงข่าวครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ เธอยังกล่าวอีกว่าญี่ปุ่นจะแสวงหา “การดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบจากจีน” และคงการมีบทสนทนากับประเทศเพื่อนบ้าน ในความพยายามเพื่อการปรับปรุงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
คามิกาวา ในวัย 70 ปี เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้ และเป็นผู้รับผิดชอบในการประหารชีวิตบุคคลสำคัญ จากลัทธิวันโลกาวินาศของโอมชินริเกียว ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีด้วยก๊าซซารินร้ายแรง ในสถานีรถไฟใต้ดินของกรุงโตเกียวเมื่อปี 2538
การปรับคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในวันพุธที่ผ่านมา (13 ก.ย.) เกิดขึ้นเนื่องจากคะแนนนิยมต่อพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของคิชิดะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจของสำนักข่าว Kyodo News เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ปัจจุบันมีพลเมืองญี่ปุ่นเพียง 33.6% ที่ยังรู้สึกนิยมในตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ คะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีคิชิดะลดลงมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 และแตะระดับต่ำสุดที่ 33.1% เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว
คิชิดะหวังว่าการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีรัฐมนตรีผู้หญิงมากขึ้น จะช่วยเพิ่มคะแนนสนับสนุนของเขา ในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความคิดก้าวหน้าและมีอายุน้อย โดยก่อนการประกาศปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ มีสมาชิกคณะรัฐมนตรีชุดก่อนของคิชิดะเพียง 2 ใน 19 คนเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
ทั้งนี้ การมีตัวแทนประชาชนที่เป็นผู้หญิงในการเมืองของญี่ปุ่นนั้น ยังมีอัตราที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยตามรายงานด้านความเท่าเทียมทางเพศในการเมืองของ World Economic Forum ญี่ปุ่นถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 138 จาก 146 ประเทศเท่านั้น
ในบรรดารัฐมนตรีหญิงที่ได้รับการแต่งตั้งนั้นยังมี ฮานาโกะ จิมิ อดีตแพทย์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบการฟื้นฟูภูมิภาค อายูโกะ คาโตะ สมาชิกคณะรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัย 44 ปี จะเข้ารับผิดชอบด้านนโยบายเกี่ยวกับเด็ก โดยก่อนหน้านี้ เธอเคยเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ และเป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดัง นอกจากนี้ ชินาโกะ ซึจิยะ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นนักวิจัยด้านการทำอาหารและศิลปินจัดดอกไม้ จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักงานการบูรณะของญี่ปุ่น
คิชิดะยังแต่งตั้งให้ ยูโกะ โอบุจิ เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค LDP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล โดยเธอมีพื้นเพจากครอบครัวทางการเมืองญี่ปุ่นเช่นกัน ทั้งนี้ โอบุจิเป็นลูกสาวของ เคโซ โอบุจิ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นบุตรชายของสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่น
โอบุจิยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม แต่เธอถูกบังคับให้ลาออกเมื่อปี 2557 จากเหตุอื้อฉาวเรื่องกองทุนทางการเมือง อย่างไรก็ดี เธอได้รับความไว้วางใจจากคิชิดะให้กลับคืนมาสู่อำนาจในพรรค LDP อีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้เหตุผลว่า เขาต้องการให้โอบุจิเผยความสามารถของเธอ และช่วยขับเคลื่อนพรรค LDP ในการบรรลุเป้าหมายเพื่อการทำให้ผู้หญิงได้ที่นั่ง 30% ในรัฐสภาภายใน 10 ปี
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่า การมีตัวแทนเป็นผู้หญิงเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ที่จะเพิ่มความนิยมของรัฐบาลคิชิดะในระยะยาว ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใหม่และสำคัญ ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับอัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย ค่าครองชีพที่พุ่งสูง การปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่ได้รับการบำบัดแล้วจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จังหวัดฟูกูชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก และปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการบัตรประชาชนญี่ปุ่น
ทั้งนี้ นโยบายด้านบัตรประชาชนญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกในปี 2558 เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างหมายเลขประจำตัวประชาชนสำหรับพลเมืองทุกคน อย่างไรก็ดี ระบบหมายเลขบัตรประชาชนญี่ปุ่นนี้ยังเต็มไปด้วยปัญหาทางเทคนิค และประชาชนยังมีข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่สำคัญ หลังจากมีการพบว่ามีบัตรประมาณ 130,000 ใบเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น
ความนิยมของคิชิดะยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากการลอบสังหาร ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยการสืบสวนคดีฆาตกรรมเผยให้เห็นความสัมพันธ์ที่ฝังลึก ระหว่างนักการเมืองญี่ปุ่นบางคนจากพรรครัฐบาล LDP และโบสถ์แห่งความสามัคคี ซึ่งเป็นกลุ่มลัทธิทางศาสนา ที่มีการเรี่ยไรเงินโดยการบังคับขู่เข็ญ ข่มขู่ หรือเชื่อมโยงการบริจาคเงินเข้ากับความรอดทางจิตวิญญาณ ทั้งนี้ มีรายงานว่าฆาตกรที่สังหารอาเบะอ้างว่า เขามีแรงจูงใจในการสังหาร จากการที่เขาเชื่อว่าอาเบะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลัทธิ ซึ่งแม่ของฆาตกรได้บริจาคเงินไปจนครอบครัวของเขาล้มละลาย
หลังการเสียชีวิตของอาเบะ สมาชิกคณะรัฐมนตรี 3 คน ได้แก่ ไดชิโระ ยามากิวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ยาสุฮิโระ ฮานาชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ มิโนรุ เทราดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่น ได้ยื่นขอลาออกระหว่างเดือน ต.ค. ถึงเดือน พ.ย. 2565 อย่างไรก็ดี การจัดการของคิชิดะกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นวงกว้าง โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งในญี่ปุ่นชี้ว่า นายกรัฐมนตรีใช้เวลานานเกินไปในการดำเนินการ โดยหลังจากนั้นไม่นาน คะแนนนิยมของคิชิดะจึงได้รับผลกระทบตกไปจนถึงจุดต่ำสุด
หลังจากการปรับคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ คิชิดะประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะมุ่งเน้นไปที่ความพยายาม ในการจัดการกับภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่ค่าแรงยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลจากสำนักงานคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัว 4.8% ในไตรมาสที่สองนี้ ซึ่งน้อยกว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ 6%
ไม่ว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าน่าจะประกาศออกมาในเดือนหน้า หรือการปรับคณะรัฐมนตรีจะช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องของคิชิดะ อาจไม่มีความสำคัญมากนัก เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่มีความคิดฝ่ายขวาอย่างอาเบะ คนก่อนๆ หรือผู้นำที่มีแนวคิดเสรีนิยมเหมือน ทาโร โคโนะ อดีตคู่แข่งในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP ของคิชิดะเมื่อปี 2564 ก็ดี คิชิดะยังคงเป็นตัวแทนของการประนีประนอมภายในพรรค LDP ของเขาอยู่ดี
ที่มา: