ต่างประเทศ
'อคติทางเชื้อชาติ' ในอัลกอริทึม มีผลต่อการรักษาผู้ป่วยผิวสี
ตามข้อมูลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ พบว่า โรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐฯใช้ระบบอัลกอริทึมข้อมูลคนไข้ที่มีความอคติด้านเชื้อชาติ ส่งผลให้ผู้ป่วยผิวสีที่มีอาการป่วยหนักไม่ได้รับการดูแลและรักษาดีเท่าผู้ป่วยผิวขาวที่มีอาการป่วยน้อยกว่า
'อ็อปทัม' (Optum) คือระบบอัลกอริทึม ที่พัฒนาโดยบริษัท ยูไนเต็ดเฮล และมีเป้าหมายเพื่อค้นหาผู้ป่วยจากโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคเรื้อรังต่างๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากการมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามผลการวิจัยพบว่า ระบบอัลกอริทึมดังกล่าวกลับจัดอันดับการรักษาให้ผู้ป่วยผิิวขาวมากกว่าผู้ป่วยผิวสีที่ถูกวินิจฉัยว่ามีโรคเรื้อรัง แม้จะมีผลจากห้องทดลองที่ยืนยันถึงอาการและสัญญาณของความอันตราย
'เซด โอเบอร์เมเยอร์' ผู้เขียนหลักของรายงานฉบับนี้ระบุว่า สาเหตุที่ระบบอัลกอริทึมแสดงผลออกมาเช่นนี้ เนื่องจากระบบประมวลผลโดยยึดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเป็นหลัก นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าการจ่ายเงินด้านสุขภาพของผู้ป่วยผิวสีมีมูลค่าน้อยกว่าผู้ป่วยผิวขาวในโรคที่ใกล้เคียงกัน
จากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่มีข้อมูลของผู้ป่วยจำนวน 6,079 คนที่ระบุว่าเป็นคนผิวสี และอีก 43,539 คนที่ระบุว่าเป็นคนผิวขาวหรือไม่ระบุสีผิว และนำไปใช้เพื่อสร้างระบบอัลกอริทึมใหม่ที่เปรียบเทียบอาการป่วยในโรคเดียวกัน พบว่า ผู้ป่วยผิวสีมีอาการป่วยหนักกว่าผู้ป่วยผิวขาว ที่คะแนน 4.8 ต่อ 3.8 ตามลำดับ
นอกจากนั้น นักวิจัยยังพบว่าหากเปลี่ยนการประเมินที่อ้างอิง 'ค่าใช้จ่าย' มาเป็น 'อาการของของโรค' อย่างแท้จริง จำนวนผู้ป่วยผิวสีควรได้รับการรักษาก่อนหรือมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และสัดส่วนคนผิวสีที่ได้รับการรักษาจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18 มาเป็นร้อยละ 47
'รูฮา เบนจามิน' ศาสตราจารย์ด้านแอฟริกันอเมริกันศึกษา มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน กล่าวว่า ตัวเลือกที่มีความอคติซึ่งในที่นี้คือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เป็นกระบวนการเริ่มต้นที่นำไปสู่ผลลัพธ์ของโอกาสการเสียชีวิตของผู้ป่วย
สอดคล้องกับ 'รูฮา' 'เซนฮิล มูไลนาธาน' ศาสตรจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การคำนวน มหาวิทยาลัยชิคาโก กล่าวว่า เครื่องมือดังกล่าวสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีอย่างมหาศาลแต่ก็สร้างผลลัพธ์อันเลวร้ายได้เช่นเดียวกัน และทุกอย่างอยู่ที่การเลือกใช้
ขณะที่บริษัทยูไนเต็ดเฮล เจ้าของระบบ 'อ็อปทัม' ออกมากล่าวว่า บริษัทไม่ได้แนะนำให้ลูกค้าซึ่งในที่นี้คือโรงพยาบาลที่ซื้อระบบอัลกอริทึมดังกล่าวไปพึ่งพิงแต่ระบบและเมินเฉยต่อคำวินิจฉัยของแพทย์ เนื่องจากความพยายามในการพัฒนาระบบขึ้นมานั้นยังต้องมีการปรับปรุงอีกมาก โดยตามข้อมูลจากเว็บไซต์ ปัจจุบันมีมากกว่า 50 องค์กร ที่ซื้อระบบอัลกอริทึมดังกล่าวไปใช้
อ้างอิง; WSJ, WP, Science Magazine
