หลังนักวิเคราะห์ระดมข้อมูลภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปจนถึงแนวทางการฟื้นตัวของแต่ละประเทศ จนพบแน่แล้วว่า 'จีน' จะกลายมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกอีกเพียง 8 ปีต่อจากนี้ ขณะสหรัฐฯ ลงไปรั้งอันดับที่ 2
'วอยซ์' ชวนเปิดรายงานจากศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจ (cebr) ในสหราชอาณาจักร เพื่อหาคำตอบว่าในห้วงเวลาต่อจากนี้ ไทยจะไปอยู่จุดในของสมการจีดีพีโลก รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราทั้งที่เป็นคู่ค้าและคู่แข่งมีใครบ้างที่อาจแซงหน้าเราไป
ข้อมูลจาก cebr ระบุว่า ปัจจุบันนี้ ณ 2563 ประเทศไทยมีขนาดเศรษกิจเป็นลำดับที่ 25 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งประมาณ 10 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 5.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ตัวเลข ณ ปัจจุบัน) และคาดว่าอีก 15 ปีต่อจากนี้ หรือในปี 2578 ประเทศจะมีส่วนแบ่งขึ้นมาเป็น 17 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1.406 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ตัวเลข ณ ปัจจุบัน) ส่งให้อันดับขยับขึ้นไปอยู่ที่ 21 จากการคำนวณทั้งหมด 193 ประเทศ
แม้รายงานชี้ว่าไทยสามารถผลักดันตัวเองขึ้นมาจากประเทศรายได้ต่ำขึ้นมาสู่ประเทศรายได้ปานกลางค่อนสูงในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งยังสามารถลดอัตราผู้ยากจนลงได้ แต่ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศยังมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่มีสัดส่วนถึง 15% ในจีดีพีทั้งประเทศ(ตามห้วงเวลาปกติ)
ด้วยเหตุนี้ ผลพวงจากโควิด-19 จึงทำให้ประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก ความหวังเดียวจึงต้องรอว่าการแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกอย่างทั่วถึงจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับมามีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยอีกครั้ง
นอกจากนี้ ไทยที่มีตำแหน่งที่ตั้งได้เปรียบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังได้รับปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ จนนำไปสู่กิจการทางการค้าที่ลดลง ส่งผลให้ภาคการส่งออกของประเทศได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างเวียดนามได้รับการประเมินว่าจะเห็นอันดับขนาดเศรษฐกิจขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 19 ด้วยมูลค่าราว 1.539 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 37 ด้วยมูลค่า 3.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นการขยับอันดับดีขึ้นถึง 18 อันดับภายในระยะเวลา 15 ปีเท่านั้น
แม้โควิด-19 จะสร้างผลกระทบในเชิงสาธารณสุขให้กับเวียดนาม แต่เมื่อมองในมิติเศรษฐกิจนั้นถือว่าไม่ได้มีแรงฉุดมาก โดยจีดีพีของเวียดนามในปี 2563 ยังสามารถประคองตัวไม่ให้ติดลบได้ อีกทั้งระดับหนี้สาธารณะก็ไม่มีสัดส่วนที่สูงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ รายงานยังชี้ว่า อินโดนีเซียจะขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 8 ของโลกในปี 2578 ขณะที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซียจะอยู่ในลำดับที่ 22 และ 28 ตามลำดับ ด้านสิงคโปร์ยังคงมีขนาดเศรษฐกิจทรงตัวในช่วงอันดับที่ 40 อย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;