ไม่พบผลการค้นหา
ศาลจังหวัดอุบลราชธานีสั่งจำคุกชาวบ้าน 3 ปี ปรับ 3 แสน ฐานบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมินหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศปรากฏร่องรอยทำกินตั้งแต่ปี 2516 และคำสั่ง คสช.ผ่อนผันผู้ยากไร้ไม่มีที่ดิน

ศาลจังหวัดอุบลราชธานีอ่านคำพิพากษาคดี ฤทธิ์ จันทร์สุข ชาวบ้านตามุย หมู่ที่ 4 ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี รุกที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม โดยศาลพิพากษาจำคุก ฤทธิ์ 3 ปี รอลงอาญา ปรับ 300,000 บาท เรียกค่าเสียหายอีก 80,000 บาท แม้จะมีร่องรอยการทำกินในภาพถ่ายทางอากาศตั้งแต่ปี 2516 ได้รับการผ่อนผันตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 และยื่นขอโฉนดชุมชนในปี 2555 ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553

ข้อมูลจากเครือข่ายฮักน้ำของ ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ย. 2562 ฤทธิ์ จันทร์สุข ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวที่ สภ.โขงเจียม ข้อหาบุกรุกแผ้วถางในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม พื้นที่ 2 ไร่ 3 งาน โดย ฤทธิ์ยืนยันว่าที่ดินทำกินดังกล่าวเป็นมรดกที่พ่อมอบให้ ต้นไม้ที่ปลูกในที่ดินแปลงนั้นคือยูคาลิปตัสกว่า 100 ต้น ซึ่งล้อมรอบบริเวณไร่มันสำปะหลังประมาณ 7 ไร่ การที่ทางอุทยานแห่งชาติผาแต้มได้ใช้ภาพถ่ายทางอากาศบอกว่าฤทธิ์บุกรุกนั้น ความจริงแล้วฤทธิ์ได้ขยายพื้นที่ที่หัวไร่ปลายนาของตนเองซึ่งเป็นหินสลับดิน ซึ่งฤทธิ์ได้ขนหินก้อนขนาดกลางที่พอมีกำลังที่จะขนออกได้สำหรับเพิ่มพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง

นิภาภรณ์ ปุลา ผู้ประสานงานเครือข่ายฮักน้ำของ กล่าวว่า ตนได้พาฤทธิ์ไปเข้าร่วมการชุมนุมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ เมื่อวันที่ 9-12 ก.ย. 2562 และได้เจรจากับผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นได้รับคำมั่นว่าจะมีการประสานงานไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดอุบลราชธานีให้ชะลอคดีและไม่ส่งสำนวนฟ้อง แต่วันที่ 30 ก.ย. 2562 พนักงานอัยการกลับส่งสำนวนฟ้อง ต้องระดมเงินประกันตัว 60,000 บาท ทำให้รู้สึกเหมือนถูกหน่วยงานรัฐหักหลัง จนเมื่อได้ฟังคำพิพากษา ก็รู้สึกเสียใจเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม

โดยเครือข่ายฮักน้ำของจะนัดพูดคุยหารือกัน คาดว่าจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่จะเกิดอีกในไม่ช้า พร้อมจัดขบวนเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มพีมูฟและกลุ่มการเคลื่อนไหวอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหา ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและแนวคิดการจัดการทรัพยากรของรัฐต่อไป