ทำเนียบขาวคาดว่า การแสดงแสนยานุภาพดังกล่าวของจีน อาจอาศัยการยิงขีปนาวุธใกล้กันกับพื้นที่ของเกาะไต้หวัน หรือไม่ก็เป็นอาจมีกิจกรรมทางการทหารในระดับใหญ่ ทั้งจากทางภาคพื้นอากาศและภาคพื้นทะเล
การคาดการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า เพโลซีซึ่งเป็นประธานรัฐสภาสหรัฐฯ อาจเยือนไต้หวัน ในการเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ โดยปัจจุบัน เพโลซีกำลังเข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในมาเลเซีย หลังจากการเดินทางเยือนสิงคโปร์เมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) นอกจากนี้ ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และยังไม่มีการแถลงยืนยันแต่อย่างใดว่า เพโลซีจะแวะไต้หวันหรือไม่
ก่อนหน้านี้ จีนได้ออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่า สหรัฐฯ จะพบกับ “ผลลัพธ์ที่ตามมา” หากเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นเขตการปกครองของตนเอง ในขณะที่ไต้หวันมีอำนาจในการปกครองตนเองโดยสมบูรณ์ โดยสหรัฐฯ ยืนยันว่า ตนยึดถือนโยบายจีนเดียว ถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติ สหรัฐฯ จะยังคงรักษาความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับทางไต้หวัน
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ส.ค.) จางจุน ทูตจีนประจำสหประชาชาติออกมาเตือนว่า หากประธานรัฐสภาสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน การเดินทางเยือนดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐฯ ให้ย่ำแย่ลง
ในทางกลับกัน รัฐสภาสหรัฐฯ จากทั้งสองพรรคของเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างให้การสนับสนุนไต้หวันกันไปในทิศทางเดียวกัน โดยเพโลซีในฐานะประธานรัฐสภาที่มาจากพรรคเดโมแครต ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจของจีนมาโดยตลอด โดยเฉพาะประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพโลซีเองยังเคยเดินทางเยือนจัตุรัสเทียนอันเหมิน สถานที่ที่รัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ทำการสังหารมวลชนเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างโหดเหี้ยมในปี 2532
ก่อนหน้านี้ เพโลซีมีแผนในการเดินทางเยือนไต้หวันเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี แผนการเดินทางดังกล่าวถูกเลื่อนออกไป หลังจากที่เพโลซีถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการเดินทาง เพโลซีเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มันมี “ความสำคัญสำหรับเรามาก ในการแสดงการให้การสนับสนุนแก่ไต้หวัน”
อย่างไรก็ดี ไบเดนในฐานะประมุขฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจใดๆ ในการกำหนดกฎเกณฑ์ต่อประธานรัฐสภาสหรัฐฯ อย่างเพโลซี ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ ในการเดินทางเยือนไต้หวัน โดยไบเดนได้ออกมาให้ความเห็นว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ทั้งนี้ หากเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวัน เธอจะเป็นผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ คนที่สอง รองจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เดือนทางเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ปี 2540
เมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) จอห์น เคอร์บี โฆษกความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวออกมาระบุว่า การยกระดับทางสถานการณ์ของจีน เป็นสัญญาณของ “การอ้างสิทธิ์ทางกฎหมายที่หลอกลวง” ในอนาคต เช่น การอ้างว่าช่องแคบไต้หวันไม่ใช่ทางเดินเรือสากล พร้อมชี้ว่ามีสัญญาณเตือนว่าจีนอาจส่งเครื่องบินของตนเองไปยังน่านฟ้าของไต้หวัน
ที่มา: