ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ดินแดง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางเข้ามอบข้อมูลและหลักฐานชิ้นสำคัญ ในคดียาเสพติดที่มีความเชื่อมโยงไปถึง ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว" ผู้ต้องหากลุ่มทุนจีนสีเทา ให้กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดย ชูวิทย์ ได้รับมอบเข็มยุติธรรมธำรง และได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา เลขาธิการ ป.ป.ส. จากการทำคุณประโยชน์และสนับสนุนภารกิจของกระทรวงยุติธรรมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมหารือแนวทางบูรณาการยึดอายัดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมี สมศักดิ์ เป็นประธานในที่ประชุม นอกจาก ชูวิทย์ แล้ว ยังมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ผู้รับผิดชอบคดีธุรกิจจีนสีเทา ร่วมการประชุมด้วย
ภายหลังการประชุม สมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มอบรางวัลยุติธรรมดำรง ให้กับ ชูวิทย์ ที่ติดคุกมาถึง 3 ครั้ง และกลับมาเป็นบุคคลดีเด่นสำหรับการแจ้งเบาะแสทำลายเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ของ ตู้ห่าว ซึ่งการแจ้งเบาะแสยาเสพติดในประเทศไทยมีการแจ้งเข้ามาน้อยมากเพราะเกรงกลัวอิทธิพลมืด จึงอยากให้การมอบรางวัลให้กับ ชูวิทย์ ในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างแก่ประชาชน หากบุคคลใดกังวลเรื่องความปลอดภัยในการแจ้งเบาะแส สามารถแจ้งเพื่อขอให้มีการคุ้มครองพยานได้จากทาง ป.ป.ส.
สำหรับการปฏิบัติงานของทาง ป.ป.ส.ในปีนี้ จากเดิม 5 มาตราการ ได้เพิ่มอีก 1 มาตรการ คือ ยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด โดยทาง ป.ป.ส.ได้ตั้งเป้าไว้ที่แสนล้านบาท ตอนนี้สามารถยึดได้แล้วหมื่นกว่าล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่จะทำการแบ่งเปอร์เซ็นจากการยึดอายัดทรัพย์จนกว่าคดีจะสิ้นสุดให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำคดี 25% และกับผู้แจ้งเบาะแส 5% รวมเป็น 30% เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้แจ้งเบาะแส
ด้าน ชูวิทย์ เปิดเผยถึงการได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติว่า ชีวิตนี้เกินกำไรที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติแล้ว ตนรู้สึกดีใจที่สิ่งต่างๆที่ตนออกมาแฉได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ ในคดียาเสพติดของ ตู้ห่าว ตนเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอีกมากมายกว่านั้น เช่นโรงแรมที่ยังคงประกอบกิจการ สร้างรายได้อยู่ เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และอีกเรื่อง คือ อิทธิพลของตู้ห่าว ซึ่งจากวันตรวจสอบผับจินหลิง พบผู้เสพยาหลักร้อยราย ตอนนี้เหลือเพียง 60 รายเท่านั้น เห็นได้ว่า มีการใช้เส้นสายในการช่วยคดีความ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เคร่งครัดตรวจสอบให้ชัดเจน และดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว หากว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู จะเกิดผลกระทบเป็นโดมิโนตามมาในภายหลัง
ส่วนเรื่องตำแหน่งที่ปรึกษา ที่ รมว.ยุติธรรมมอบให้นั้น จะขอเก็บไว้พิจารณา ยืนยันตนไม่ได้ต้องการตำแหน่งใดๆ เนื่องจากทั้งชีวิตที่ผ่านมา ได้ผ่านตำแหน่งนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว ส่วนเรื่องเงิน 5 เปอร์เซ็นที่เป็นเงินรางวัลนำจับจากคดียาเสพติดที่จะแบ่งให้กับตนนั้น ตนจะนำเงินทั้งหมดที่ได้มาไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเงินในการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์