พายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวว่านายภูมิธรรม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์การส่งออกปีหน้า 2567 ว่า มีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเยือนต่างประเทศเพื่อขายสินค้าเกษตร ชักชวนการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายข้าว 2 ล้านตันให้ประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลดีต่อราคาข้าวภายในประเทศของไทยให้ดีขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวด้านการผลิตรองรับ ทั้งเรื่องน้ำ ที่เป็นต้นทุนต้องเพียงพอและคุณภาพข้าวต้องมีมาตรฐาน ส่วนพืชไร่ พืชสวนผักผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ในตลาดโลกมีความต้องการมากอยู่แล้ว พืชไร่อย่างเช่น อ้อยราคาในประเทศขณะนี้ก็น่าพอใจและมีแนวโน้มจะขยับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ในส่วนของยางพารา จะต้องหันมาปรับตัวเรื่องผลิตภัณท์ต่างๆ มากยิ่งขึ้นเพื่อตีตลาดโลก

พายัพ กล่าวว่า ในส่วนของสินค้าประมง ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลระดับต้นๆ ของโลกแต่ช่วงที่ผ่านมาชาวประมงเรือเล็กประสบปัญหาหลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลเข้าใจและไม่เคยปล่อยปละละเลยพยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ เพราะในอดีตเราเคยส่งออกอาหารทะเลกระป๋องเป็นมูลค่าสูงระดับต้นๆ มาก่อน จึงจะต้องมีการเจรจาประมงนอกน่านน้ำกับประเทศเพื่อนบ้านและแก้ปัญหาข้อจำกัดเรื่องระยะสองร้อยไมท์ทะเลด้วยเช่นกัน

พายัพ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรก 3 เดือนของปี 2567 งบประมาณแผ่นดินยังไม่ต้องอาศัยงบสำรองจ่ายไปพลางก่อน แต่ก็มีอยู่น้อยมาก ดังนั้นถ้างบประมาณแผ่นดินปี 2567 ผ่านสภา รัฐบาลก็จะมีงบฯ ดำเนินการและงบฯ ลงทุนมากยิ่งขึ้น สภาพคล่องก็น่าจะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการค้าการลงทุนของไทยที่จะทำให้มีแนวโน้มดีขึ้นมากเช่นกัน

พายัพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังมีมาตรการควบคุมการลักลอบการนำเข้าสินค้าเกษตรบริเวณชายแดน ผักผลไม้ และเนื้อสัตว์อย่างจริงจัง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องเกษตรกรและปกป้องสินค้าเกษตรของไทย